พฤติกรรมความเลี่ยงหากไม่อยากเสี่ยงโรคซึมเศร้า

โรคซึมเศร้า เป็นหนึ่งในโรคที่มีความอันตรายและร้ายแรงเป็นอย่างมาก เชื่อว่าคนส่วนใหญ่ในสมัยปัจจุบันนี้มักที่จะได้รับผลกระทบจากภาวะโรคซึมเศร้ากันอยู่กันอย่างแน่นอน ซึ่งโรคนี้เป็นโรคที่เกิดขึ้นจากความผิดปกติของอารมณื สภาพจิตใจ

เสี่ยงโรคซึมเศร้า รวมไปถึงปัญหาของความเครียดก็เป็นหนึ่งในผลกระทบที่ทำให้เราเสี่ยงต่อการเป็นโรคซึมเศร้าได้นั่นเอง และแน่นอนว่า โรคนี้นับเป็นโรคที่หลาย ๆ คนไม่ควรมองข้ามกันอย่างเด็ดขาด

เพราะหากปล่อยไว้นอกจากจะส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิต ยังอาจส่งผลกระทบต่อชีวิตของเราได้ เพราะส่วนใหญ่แล้วคนที่เป็นโรคนี้อาจมีความคิดที่สั้น หรือคิดที่อยากจะฆ่าตัวตายนั่นเอง ดังนั้น การดูแลสุขภาพร่างกายของตนเองให้ดีด้วยการหมั่นสังเกตอาการ หรืออารมณ์ของตนเองให้ดี

จึงเป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยลดโอกาสเสี่ยงต่อการเป็นโรคนี้ได้ รวมไปถึงการมีพฤติกรรมที่เสี่ยงต่อการเป็นโรคซึมเศร้า ฉะนั้น วันนี้เราจะพาทุกคนไปดูกันว่า พฤติกรรมที่เราทำอยู่จะมีพฤติกรรมไหนบ้างที่เราควรหลีกเลี่ยงหากไม่อยากเป็นโรคซึมเศร้า ไปดูกันเลย 

1.การอยู่ห่างจากธรรมชาติ

รู้หรือไม่ง่าธรรมชาติเป็นหนึ่งในตัวช่วยที่ดี ที่สามารถเยียวยาสุขภาพจิตของเราให้ดีขึ้นได้ ยิ่งถ้าใครทำงานหนัก ๆ และเครียดมาก ๆ การที่ได้ออกไปเจอธรรมชาติก็จะช่วยบรรเทาอาการดังกล่าวได้ แต่เมื่อไหร่ก็ตามที่เรามีความเครียด และเราอยู่ห่างจากธรรมชาตินอกจากจะทำให้เรามีสุขภาพจิตที่ไม่ดีแล้ว ยังเสี่ยงต่อการเป็นโรคซึมเศร้าได้ง่ายอีกด้วย 

2.การอดนอน

หลายคนอาจจะทราบกันเป็นอย่างดีอยู่แล้วว่า การนอนหลัยพักผ่อนไม่เพียงพอ นอกจาก  เครื่องช่วยฟังแบบชาร์จ    จะส่งผลกระทบต่อปัญหาสุขภาพต่าง ๆ แล้ว ยังอาจเสี่ยงต่อการเป็นโรคซึมเศร้าได้เช่นกัน เพราะหากคุณนอนไม่พอ บวกกับการทำงานหนักมาก ๆ เครียดมาก ๆ เจอสังคมที่วุ่นวาย เจอปัญหาต่าง ๆ

ที่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพจิต นอกจากจะทำให้ร่างกายของเราอ่อนเพลียได้ง่ายแล้ว ยังเพิ่มโอกาสเสี่ยงต่อการเป็นโรคซึมเศร้าได้นั่นเอง รวมไปถึงอาจส่งผลกระทบต่อสุขภาพจิตของเราได้อีกด้วย 

3.เรื่องของความเศร้า

แน่นอนว่าปัญหานี้ถือเป็นหนึ่งในปัญหาหลักที่ทำให้เราเสี่ยงต่อการเป็นโรคซึมเศร้า เพราะเมื่อไหร่ก็ตามที่เราเอาความโศกเศร้าเขามาในใจ เราก็จะยิ่งกังวล เครียด จนส่งผลเสี่ยงต่อการเป็นโรคซึมเศร้างได้นั่นเอง บวกกับการที่เรารู้สึกเสียใจมาก ๆ ก็จะยิ่งเพิ่มโอกาสเสี่ยงต่อการเป็นโรคซึมเศร้า หรือโรคที่เกี่ยวกับสุขภาพจิตของเราได้นั่นเอง ฉะนั้น การดูแลสุขภาพจิตของตนเองให้ดีจึงเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งที่เราไม่ควรมองข้าม

ลดง่ายๆ ไม่ยากสไตล์คนไม่ค่อยมีเวลา

เพื่อนๆหรือสาวๆ คนไหนที่อยากผอมหรือลดน้ำหนักหรือลดความอ้วนให้ได้นั้น ไม่ยากนะจ้ะ เพราะว่าจริงๆแล้วการลดน้ำหนักหรือลดความอ้วน มีวิธี ง่ายๆ แค่ลองทำตาม มันก็ช่วยทำให้หุ่นของเพื่อนๆและสาวๆ เปลี่ยนไปในทางที่ดีได้แล้ว เราไปดูกันดีกว่าว่ามีอะไรบ้าง

เลือกอาหารที่ดีมีประโยชน์ต่อร่างกาย

เพื่อนๆและสาวๆที่อยากลดน้ำหนักหรือลดหุ่นให้ได้สมใจ ก็แนะนำเลยว่าเพื่อนๆและสาวๆ ควรจะหันมาเลือกกินอาหารที่ดีมีประโยชน์นั้นเอง อย่างแป้งดี โปรตีนดี ไขมันดี ผักและผลไม้ต่างๆ เพราะว่าการที่เรากินอาหารที่ดีมีประโยชน์จะช่วยลดการสะสมไขมันใหม่ในร่างกายได้ดีละ

ดื่มน้ำเปล่าให้มากขึ้น

คิดว่าเพือ่ๆนและสาวๆ หลายๆคน น่าจะยังไม่ค่อยนึกถึงการดื่มน้ำ ตอนลดความอ้วนหรือลดหุ่น ซึ่งจริงๆ มันสำคัญมากนะ เพราะว่าการที่เราดื่มน้ำมากขึ้น จะช่วยทำให้เราอิ่มท้องง่ายขึ้น ลดการกินจุบจิบได้ดีขึ้นและยังช่วยทำให้ระบบขับถ่ายและระบบหมุนเวียนเลือดทำงานได้ดีตามไปด้วยนะ 

เน้นการกินโปรตีนให้เยอะขึ้น

เพื่อนๆและสาวๆ หลายๆคนไม่รู้หรอกว่าจริงๆแล้วการกินโปรตีนมากขึ้นทำให้เพื่อนๆและส่าวๆ อิ่มท้องนานขึ้น ลดการอยากขนมได้ดีและยังช่วยเพิ่มกล้ามเนื้อด้วยนะ เพื่อนๆและสาวๆ รู้หรือไม่ว่าการที่เรามีกล้ามเนื้อมากขึ้นะจะช่วยทำให้ระบบเผาผลาญเราดีขึ้นด้วย

ออกกำลังกายหรือเคลื่อนไหวให้มากขึ้น

เพื่อนๆและสาวๆ หลายๆ คน ชอบบอกตัวเองไม่มีเวลาไปออกกำลังกาย แต่เอาจริงๆแล้วในชีวิตประจำวัน ก็ยังพอจะช่วยเผาผลาญไขมันให้เพื่อนๆได้ด้วยการที่เราเคลื่อนไหวให้มากขึ้น หรือเดินให้เยอะขึ้นก็ได้นะ เพราะว่ามันจะช่วยไม่มากก็น้อย แต่อยากให้เห็นผลเร็วขึ้นแนะนำว่าเพื่อนๆ และสาวๆ ควรจะแบ่งวันเพื่อออกกำลังกาย ด้วยนะ 

งดของทอด ของหวาน

เพื่อนๆและสาวๆ ต้องงดของหวาน อย่างเครื่องดื่มหวานๆ ขนมหวานๆ หรือแม้กระทั่งของทอดต่างๆ เพราะว่าอาหารและเครื่องดื่มแบบนี้ มีแคลอรี่สูงมากๆ กิยเยอะๆ แล้วละก็ แป็นแปล่งสะสมไขมันที่ดีเลยละ หากอยากผอม หรือ ลดความอ้วน ให้งดของหวานของทอดได้เร็วๆ นะ มันช่วยได้มากเลย

พักผ่อนให้เพียงพอและไม่เครียด

ลดง่ายๆ ไม่ยากสไตล์คนไม่ค่อยมีเวลา เพื่อนๆและสาวๆ ที่อยากหุ่นดี ต้องใส่ใจเรื่องการพักผ่อนให้เพียงพอด้วยนะ เพราะว่าการนอนจะช่วยทำให้ร่างกายเราสดชื่นและฟื้นฟูได้ดี และอีกอย่างก็คือห้ามเครียดนะ เพราะว่าเครียดจะทำให้ลดน้ำหนักได้ยากละ

 

สนับสนุนโดย  เครื่องช่วยฟังแบบชาร์จ

มือใหม่หัดเริ่มต้นลดน้ำหนัก

มือใหม่หัดเริ่มต้นลดน้ำหนัก เพื่อนๆหรือสาวๆ คนไหนที่ไม่เคยลดน้ำหนักหรือลดความอ้วน แนะนำว่าเพื่อนๆและสาวๆ สามารถเลือกทำเองได้เลย เพราะว่าการที่เราจะลดน้ำหนัก หรือ ลดความอ้วน ตัวเราเองเนี้ยละจะเป็นปัจจัยหลัก เพราะว่าถึงใครจะพูดอย่างไร แต่เราไม่ทำก็ไม่สามารถทำได้อย่างแน่นอน งั้นเรามาดูกันดีกว่าเพื่อนๆและสาวๆ จะทำอย่างไรบ้าง

1.ตั้งเป้าหมายและวัดสัดส่วน ชั่งน้ำหนัก

เพื่อนๆและสาวๆ คนไหนที่เพิ่งเริ่มสำหรับการดูแลตัวเอง ลดน้ำหนักหรือลดความอ้วน แนะนำว่าเพื่อนๆและสาวๆ ต้องตั้งเป้าหมายที่ทำได้ก่อนคือตั้งเป้าหมายไม่ไกลเกินเอื้อมไปนะ และแนะนำว่าวัดสัดส่วนต่างๆ ของร่างกายไม่ว่าจะเป็นต้นแขน ต้นขา เอว อก สะโพก ต่างๆ เพื่อให้รู้ว่าเราเริ่มต้นจากตรงไหน และชั่งน้ำหนักไว้ด้วยก็ได้นะ

2.เลือกซือ้อาหารที่ดีและมีประโยชน์ 

เพื่อนๆและสาวๆที่จะเริ่มต้นการลดน้ำหนักหรือลดความอ้วนแนะนำว่าเพื่อนๆและสาวๆ ต้องหันมาซื้ออาหารที่ดีมีประโยชน์เอานะ เพราะว่าการที่เรากินอาหารที่ดีมีประโยชน์จะช่วยลดไขมันและลดความอ้วนให้เพื่อนๆ และสาวๆ ได้เร็วขึ้นมากๆ เลยละ ร่างกายเราจะลีนและไม่สะสมไขมันใหม่ด้วยนะ

3.หาของว่างที่มีประโยชน์ด้วย

เพื่อนๆและสาวๆ คนไหนทีต้องการลดน้ำหนักหรือลดความอ้วน เชื่อเลยว่าระหว่างวันยังไงก็จะต้องอยากกินขนม หรือ อยากจะหาอะไรกินอย่างแน่นอน ดังนั้น เพื่อนๆและสาวๆ ควรจะเตรียมของว่างที่มีประโยชน์ไว้เลย อย่างถั่วเปลือกแข็งต่างๆ อย่างอัลมอนด์ ถั่วพิซาชิโอ ถั่ววอลนัท เป็นต้น

4.ดื่มน้ำเปล่าด้วยนะ

การที่เราจะลดน้ำหนักหรือลดไขมันได้ดี น้ำเปล่า ช่วยเราได้เยอะมากๆ เลยนะเพราะว่าการดื่มน้ำเปล่าจะช่วยเรื่องทำให้ระบบต่างๆทำงานได้ดี และยังช่วยทำให้เพื่อนๆและสาวๆ อิ่มท้องได้ด้วยนะ แนะนำว่าดื่มก่อน 1 แก้วก่อนกินอาหารมื้อหลักนั้นเอง และน้ำยังช่วยทำให้เรามีระบบขับถ่ายได้ดีด้วยนะ

5.งด เครื่องดื่มหวานๆ ของทอดๆ

เพื่อนๆและสาวๆ ที่อยากจะผอมหรือลดไขมันแนะนำว่าต้องงด เครื่องดื่มหวานที่เคยชอบ อย่าง ชานมไข่มุก ชานมหวานมัน ต่างๆ ให้หันมาดื่มชาเขียวและกาแฟดำ เอานะ ไม่ใส่น้ำตาลและนมนะ มันจะดีมากเลย นอกจากนี้งดของทอดๆ ด้วยนะ เพราะว่าแคอลรี่สูง และแฝงไขมันมาเต็มๆ เลยละ 

6.นอนให้เพียงพอและทำอารมณ์ให้แจ่มใส

เพื่อนๆและสาวๆ ต้องใส่ใจการนอนให้มากๆ นะ    เครื่องช่วยฟังแบบชาร์จหรือใส่ถ่านดีกว่ากัน     เพราะว่าจะช่วยทำให้ระบบเผาผลาญทำงานได้ดี และยังช่วยทำให้เราไม่ค่อยหิวบ่อยๆ ด้วยละ นอกจากนี้ควรทำอารมณ์ให้แจ่มใสเข้าไว้นะ อย่าไปเครียดกับการลดน้ำหนักละ

3 ท่านอน ที่ช่วยบรรเทาอาการปวดหลังได้ 

ท่านอน ที่ช่วยบรรเทาอาการปวดหลัง การนอนพักผ่อนให้เพียงพอ เป็นสิ่งที่จำเป็นต่อร่างกายของเราเป็นอย่างมาก เพราะการนอนจะช่วยเสริมสร้างการมีสุขภาพร่างกายที่แข็งแรงได้ แถมยังช่วยในการบรรเทาอาการปวดต่าง ๆ ของร่างกายได้เป็นอย่างดีอีกด้วย แต่ในสมัยนี้นั้น การใช้ชีวิตของคนเราก็ค่อนข้างที่จะแตกต่างกันออกไป จนส่งผลให้การนอนของแต่ละคนนั้นไม่เหมือนกัน

การนอนหากต้องการให้ส่งผลดีต่อร่างกายก็คสรที่จะเลือกท่าในการนอนให้เหมาะสม เพื่อที่จะทำให้การนอนนั้นมีประสิทธิภาพมากขึ้น

เพราะถ้าหากคุณเลือกท่านอนแบบผิดวิธีก็อาจส่งผลให้ร่างกายได้รับผลกระทบได้ ซึ่งหลายคนอาจจะมองว่า ทำไมเราจึงมีท่านอนที่เหมาะสม ก็เพราะว่าท่านอนขะช่วยในการเสริมสร้างร่างกายให้มีประสิทธิภาพได้มากขึ้น ทั้งยังช่วยในการลดอาการเจ็บปวดต่าง ๆ ได้อีกด้วย

เราเคยสังเกตกันหรือไม่ว่า การนอนในแต่ละท่าของเรานั้นมีท่าไหนบ้างที่เรานอนแล้วรู้สึกสบาย หรือรู้สึกไม่สบาย อย่างไรก็ตาม สำหรับใครที่มีปัญหาเกี่ยวกับการนอนแล้วรู้สึกปวดเมื่อยตามร่างกายอยู่บ่อย ๆ วันนี้เราก็จะมาแนะนำท่านอนที่เหมาะสมเพื่อไม่ให้ร่างกายได้รับความเสี่ยงต่อการเกิดอาการปวดต่าง ๆ ขึ้น จะมีท่าไหนกันบ้างไปดูกันเลย 

ท่านอนหงาย เรียกได้ว่าเป็นท่าพื้นฐานที่หลาย ๆ คนนั้นต้องนอน แต่จะมีสักกี่คนที่รู้ว่าท่านอนหงายนั้นก็เป็นท่าที่สามารถช่วยแก้อาการปวดหลังได้เป้นอย่างดี เพราะท่านอนหงายเป็นท่าที่อาจทำให้เรารู้สึกว่าสบายที่สุด และจะทำให้น้ำหนักตัวของเรานั้นสามารถกระจายไปทั่วทุกส่วนของร่างกายได้ ดังนั้น สำหรับใครที่นอนอยู่แล้วรู้สึกว่ามีอาการปวดหลัง ขอบอกเลยว่าท่านี้ช่วยคุณได้อย่างแน่นอน และยิ่งนอนอย่างต่อเนื่องจะยิ่งทำให้อาการปวดหลังนั้นหายไปเลยก็ได้

ท่านอนคว่ำ ในส่วนของท่านอนคว่ำ หลาย ๆ คนอาจจะไม่ค่อยนิยมมากสักเท่าไหร่ เพราะเป็นท่าที่อาจทำให้หลายคนรู้สึกอึดอัดเวลานอนได้ แต่รู้หรือไม่ว่า ท่านอนคว่ำ ถือเป็นท่าหนึ่งที่สามารถช่วยแก้อาการปวดหลังได้เป็นอย่างดี เนื่องจากว่าเป็นท่าที่จะช่วยให้ระดับตัวของเรานั้นอยู่ในระดับที่ถูกต้องที่สุด และจะช่วยบรรเทาอาการปวดได้ แถมยังช่วยแก้อาการปวดเมื่อตามร่างกายได้เป็นอย่างดีอีกด้วย และที่สำคัญท่านี้ยังสามารถช่วยลดอาการนอนกรนได้เป็นอย่างดีอีกด้วย 

ท่านอนตะแคงซ้าย เป็นท่านิยมนอนกันอยู่แล้ว ในส่วนท่านอนตะแคงซ้าย แต่จะมีสักกี่คนที่ใส่ใจว่าคุณนอนตะแคงซ้าย หรือตะแคงขวา ซึ่งรู้หรือไม่ว่าการที่เรานอนตะแคงขวาตลอดทั้งคืนนั้นอาจส่งผลให้ร่างกายของเราเกิดการกทับได้ ซึ่งนั่นก็อาจทำให้เรามีโอกาสเสี่ยงต่อการปวดเมื่อยตามร่างกายได้ง่ายมากขึ้น ดังนั้น ทางที่ดี ควรที่จะนอนตะแคงซ้าย หรือขวา สลับกันไปมา หรืออาจจะนอนซ้ายไปเลย เพราะท่านอนซ้ายถือเป็นท่าที่จะช่วยในการแก้อาการปวดหลัง หรือแก้อาการปวดคอได้เป็นอย่างดี

 

สนับสนุนเนื้อหาโดย      เครื่องช่วยฟังแบบชาร์จหรือใส่ถ่านดีกว่า

การเพิ่มความแข็งแกร่งนั้นสัมพันธ์กับปริมาณการฝึกในผู้ตอบสนองต่ำ

นักวิจัยตรวจสอบความผันแปรระหว่างบุคคลในปริมาณการฝึกและความแข็งแรงที่เพิ่มขึ้นสำหรับการยืดเข่าแบบสามมิติและการฝึกงอสะโพก

การออกกำลังกายมีบทบาทสำคัญในการฝึก การฟื้นฟู และการดำเนินชีวิตที่มีสุขภาพดี กิจกรรมเหล่านี้ต้องการสูตรที่แตกต่างกันตามผลลัพธ์ที่ต้องการ ตัวอย่างเช่น นักกีฬาสามารถออกกำลังกายเป็นประจำได้ ดังนั้น การออกแบบโปรแกรมการฝึกอบรมที่เหมาะสมควรขึ้นอยู่กับการระบุและวิเคราะห์ปัจจัยที่ส่งผลต่อการฝึกอบรมรายบุคคล

การวิจัยก่อนหน้านี้แสดงให้เห็นว่าการฝึกไอโซเมตริกความเข้มสูงส่งผลให้มีการปรับปรุงความแข็งแรงมากขึ้นเมื่อเทียบกับการฝึกไอโซเมตริกความเข้มต่ำ อย่างไรก็ตาม การศึกษาเมื่อเร็วๆ นี้ชี้ให้เห็นว่าการเพิ่มความแข็งแกร่งนั้นขึ้นอยู่กับปริมาณการฝึกทั้งหมดเป็นหลัก ปริมาณการฝึกหมายถึงผลคูณของเปอร์เซ็นต์การหดตัวสูงสุดโดยสมัครใจ (MVC) ระยะเวลาการหดตัวต่อเซ็ต และจำนวนเซ็ตต่อเซสชัน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ข้อสรุปข้างต้นขึ้นอยู่กับการตอบสนองโดยเฉลี่ยของกลุ่ม

อย่างไรก็ตาม ตัวแปรระหว่างบุคคล เช่น การเปลี่ยนแปลงของความแข็งแรงชั่วคราวและความต้านทานต่อความล้าก็ส่งผลต่อปริมาณการฝึกจริงเช่นกัน ดังนั้นควรเท่ากับแรงกระตุ้นทั้งหมดที่กำหนดโดยพื้นที่ภายใต้เส้นโค้งการฝึกแบบบังคับ-เวลา

ในแนวทางนี้ นักวิจัยจากประเทศญี่ปุ่น รวมถึง Prof. Ryota Akagi จาก Shibaura Institute of Technology (SIT) และ Dr. Ryoichi Ema

การเพิ่มความแข็งแกร่ง จาก Shizuoka Sangyo University ได้ตรวจสอบความสัมพันธ์ระหว่างความแปรปรวนระหว่างบุคคลในการเปลี่ยนแปลงความแข็งแรงและปริมาณการฝึก “ในการศึกษาของเรา เราเปรียบเทียบความแข็งแรงที่เพิ่มขึ้นของกลุ่มกล้ามเนื้อกับการทำงานของข้อต่อต่างๆ เพื่อแก้ไขความไม่สอดคล้องกันในงานวิจัยที่มีอยู่” ศาสตราจารย์ Akagi อธิบายอย่างละเอียด ผลงานของพวกเขาได้รับการตีพิมพ์ในวารสาร Frontiers in Physiology เมื่อวันที่ 26 กันยายน 2022

ส่วนหนึ่งของการศึกษานี้ ชายหนุ่มสุขภาพดีที่ไม่ได้รับการฝึกฝนจำนวน 26 คน เสร็จสิ้นการฝึกไอโซเมตริกเป็นเวลาสี่สัปดาห์ ซึ่งเกี่ยวข้องกับการยืดเข่า (KE) หรือการงอสะโพก (HF) เซสชันการฝึกซ้อมที่จัดขึ้นสามครั้งต่อสัปดาห์ ประกอบด้วยสี่เซ็ต เซ็ตละ 10 วินาที เกร็งทุกๆ 20 วินาที

ผู้เข้าร่วมถูกบังคับให้ออกแรงสูงสุดอย่างรวดเร็วและหนักที่สุด ความพยายามของพวกเขาในแต่ละเซสชัน เช่น ปริมาณการฝึก ได้รับการประเมินโดยการคำนวณพื้นที่ภายใต้เส้นโค้งเวลา-แรงบิดของการหดตัว 40 ครั้ง นอกจากนี้ นักวิจัยยังประเมินการเปลี่ยนแปลงของแรงบิดการหดตัวสูงสุดโดยสมัครใจ (MVC) (ค่าสูงสุดของการหดตัวแต่ละครั้ง) ในช่วง KE และ HF สำหรับผู้เข้าร่วม

พวกเขาพบว่าแรงบิดเพิ่มขึ้นอย่างมากในกลุ่ม KE และ HF ยิ่งไปกว่านั้น การเปลี่ยนแปลงของแรงบิด MVC ที่สอดคล้องกัน ปริมาณการฝึกซ้อม และการเปลี่ยนแปลงของหลักสูตรเวลาในแรงกระตุ้นทั้งหมดมีความคล้ายคลึงกันสำหรับทั้งสองกลุ่ม ต่อไป นักวิจัยวิเคราะห์ข้อมูลที่รวบรวมเพิ่มเติม

โดยแบ่งผู้เข้าร่วมในแต่ละกลุ่มออกเป็นผู้ตอบสนองสูงและต่ำตามการเปลี่ยนแปลงของแรงบิด MVC ที่ลดลง การตอบสนองต่ำมีแรงบิดพื้นฐานและปริมาณการฝึกอบรมสูงกว่ามาก พวกเขายังเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วและสูงขึ้นในพารามิเตอร์หลัง ยิ่งไปกว่านั้น ปริมาตรรวมมีความสัมพันธ์เชิงบวกกับการเปลี่ยนแปลงแรงบิดของ MVC ซึ่งบ่งบอกถึงความแข็งแกร่งที่เพิ่มขึ้น ในกรณีของพวกเขา ในบรรดาผู้ตอบแบบสอบถามสูง ความสัมพันธ์นี้สังเกตได้ในสัปดาห์แรกเท่านั้น

 

สนับสนุนโดย.    เครื่องช่วยฟังแบบชาร์จ