อยากฟิตหุ่นควรจะเริ่มต้นอย่างไรดี

คนส่วนใหญ่ในสมัยปัจจุบันนี้ไม่ว่าจะใครก็ตาม ก็มักที่อยากจะมีสุขภาพร่างกายที่ดีหรืออยากมีรูปร่างที่สวยเพื่อเป็นหนึ่งในตัวช่วยในการเพิ่มความมั่นใจและเพิ่มบุคลิกภาพในการใช้ชีวิต ซึ่งรู้หรือไม่ว่าการที่เราจะมีรูปร่างที่ดีหรือมีหุ่นที่สวยนั้นสมัยนี้สามารถทำได้หลากหลายวิธีที่แตกต่างกันออกไป

และวิธีที่หลายๆคนเลือกที่จะทำนั่นก็คือการออกกำลังกายหรือแม้แต่การควบคุมอาหารเพราะเป็นหนึ่งในวิธีที่หลายๆคนมองว่าสามารถให้ผลลัพธ์ได้อย่างชัดเจนและรวดเร็ว

อยากฟิตหุ่นควรจะเริ่มต้น เพราะเป้าหมายหรือ ความตั้งใจของคนเรานั้นจะแตกต่างกันออกไป ซึ่งจำเป็นอย่างยิ่งที่เราจะต้องมีวินัยในการลดน้ำหนัก

เพื่อให้เรานั้นมีรูปร่างที่ดีและมีสุขภาพร่างกายที่ดีไปด้วย ซึ่งในพนี้แน่นอนว่าหลายๆคนก็คงอยากจะมี อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าคนส่วนใหญ่ในสมัยปัจจุบันนี้มักที่จะมองหาวิธีการลดน้ำหนักหรือการที่ทำให้ตนเองนั้นมีรูปร่างที่ดีหรือมีหุ่นที่สวย

เครื่องช่วยฟัง    ซึ่งก็ไม่ต้องเป็นกังวลไปสำหรับใครที่อยากเริ่มต้นฟิตหุ่น หรืออยากมีรูปร่างที่สวย เพื่อที่จะได้สวมใส่เสื้อผ้าดีๆ วันนี้เราก็จะมาแนะนำเคล็ดลับง่ายๆในการเริ่มต้นฟิตหุ่นเพื่อให้เรานั้นมีรูปร่างที่ดีแถมยังได้สุขภาพร่างกายที่ดีอีกด้วย จะมีวิธีไหนกันบ้างไปดูกันเลย

  • เริ่มต้นด้วยการวางแผน

แน่นอนว่าก่อนที่เราจะลงมือทำอะไรสักอย่างนึงสิ่งสำคัญที่เราควรมองเป็นอันดับแรกเลยก็คือ การวางแผน ซึ่งการลดน้ำหนักหรือการฟิตหุ่นก็เช่นกัน หากเราอยากให้ผลลัพธ์ ที่ชัดเจนก็ควรที่จะเริ่มต้นด้วยการวางแผนก่อนที่เราจะลงมือทำเพราะเราจะได้รู้ว่าสิ่งที่เราควรทำเป็นอันดับแรกหรือสุดท้ายนั้นควรจะออกมาเอาในรูปแบบไหนเพื่อให้การลดน้ำหนักหรือฟิตหุ่นของเรามีประสิทธิภาพและเกิดผลลัพธ์ได้ดีที่สุด

  • การสร้างวินัยให้แก่ตนเอง

รู้หรือไม่ว่าสิ่งสำคัญที่จะทำให้เรามีรูปร่างที่ดีมีหุ่นที่สวยหรือลดน้ำหนัก ได้อย่างมีประสิทธิภาพนั่นก็คือการที่เราสร้างวินัยให้แก่ตนเองอย่างต่อเนื่อง เพราะหากเรามีวินัยในการลดน้ำหนักหรือการฟิตร่างกายจะยิ่งทำให้เรานั้น สามารถออกกำลังกายหรือไม่ว่าจะทำอะไรก็ตามจะประสบความสำเร็จและไปถึงเป้าหมายได้เร็วมากยิ่งขึ้น

  • หลีกเลี่ยงจากความกังวล

หลายคนอาจจะทราบเน็ตเป็นอย่างดีอยู่แล้วว่าความกังวลนั้นถือเป็นหนึ่งในปัญหาหรือสาเหตุที่ทำให้การลดน้ำหนักหรือการฟิตร่างกายของเราไม่มีประสิทธิภาพ ฉะนั้นหากเราอยากสร้างสุขภาพร่างกายที่ดีหรืออยากลดน้ำหนัก

เพื่อที่เราจะได้มีรูปร่างที่ดีนั้นสิ่งสำคัญที่เราไม่ควรมองข้ามเลยก็คือ การที่เราควรหลีกเลี่ยงจากความกดดันหรือความวิตกกังวลต่างๆที่อาจเกิดขึ้นในชีวิต เพราะความเครียดนั้นถือเป็นหนึ่งในสาเหตุสำคัญของปัญหาสุขภาพ หากเราอยากทำให้การลดน้ำหนักหรือการฟิทช์ห่วงเกิดประโยชน์ได้สูงสุดก็ควรที่จะหลีกเลี่ยงจากความกังวลนั่นเอง

พื้นฐานของการสร้างแผนโภชนาการที่กำหนดเองของคุณ

ตอนนี้เราจะเรียนรู้วิธีใช้ Quantified Nutrition เพื่อสร้างแผนการรับประทานอาหารที่กำหนดเองของเรา สำหรับสิ่งนี้คุณต้องเข้าใจวิทยาศาสตร์เล็กน้อยว่าทำไมเราถึงมีน้ำหนักเพิ่มขึ้น วิทยาศาสตร์เกี่ยวข้องกับการทำความเข้าใจคำศัพท์บางคำซึ่งมีความสำคัญต่อคุณในการสร้างแผนการลดน้ำหนักของคุณเอง

พื้นฐานของการสร้างแผนโภชนาการ ด้านล่าง เราแนะนำคุณเกี่ยวกับคำศัพท์พื้นฐานผ่านข้อความที่ตัดตอนมาจากหนังสือ ‘ลดไขมัน รับ FITTR’ ประพันธ์โดยผู้ก่อตั้ง FITTR ซึ่งแนะนำคำศัพท์เหล่านี้อย่างสวยงามมาก ในตอนนี้ คุณจะพบลิงก์ที่คุณสามารถใช้ความรู้ที่คุณได้รับเพื่อเริ่มสร้างแผนของคุณเอง “แก้ไขฉันถ้าฉันผิด

แต่คุณไม่คิดว่าผู้คนดูแลรถของพวกเขาดีกว่าร่างกายของพวกเขาเองเหรอ ไม่เพียงเท่านั้น ดูเหมือนว่าพวกเขาจะเข้าใจวิธีการทำงานของรถยนต์ได้ดีกว่ากลไกภายในร่างกายของพวกเขาเอง

ย่างไรก็ตาม สิ่งที่คนส่วนใหญ่ไม่เข้าใจก็คือ หากรถของคุณเสียหรือหยุดทำงาน คุณสามารถซ่อมหรือเปลี่ยนรถใหม่ได้ตลอดเวลา แต่คุณไม่สามารถทำเช่นนั้นกับร่างกายของคุณได้ ร่างกายนี้เป็นร่างกายเดียวที่คุณมีและจะมีตลอดไป คุณไม่สามารถละทิ้งมันและอัปเกรดเป็นรุ่นที่ใหม่กว่าได้

คิดว่าร่างกายของคุณเป็นรถยนต์ เช่นเดียวกับที่รถของคุณต้องการเชื้อเพลิงเพื่อให้วิ่งได้ ร่างกายของคุณก็ต้องการเชื้อเพลิงเช่นกัน แล้วถ้ารถคุณเติมน้ำมันแต่แบตหมดรถจะวิ่งไหม? ไม่ ในทำนองเดียวกัน ในร่างกายของเราก็มีกลไกในการเปลี่ยนอาหารที่เรากินให้เป็นพลังงาน กลไกนั้นคือการเผาผลาญของคุณ

ฉันต้องการพลังงานเท่าไหร่ทุกวัน สิ่งมีชีวิตทุกชนิดมีเมแทบอลิซึม (หรือชุดของปฏิกิริยาเคมี) ที่ทำให้มันมีชีวิตอยู่และทำให้อวัยวะต่างๆ ทำงานและเติบโตได้ เช่นเดียวกับรถยนต์ ร่างกายมนุษย์มีระบบที่มีประสิทธิภาพเป็นพิเศษสำหรับการใช้พลังงาน ซึ่งเป็นสิ่งที่แม้แต่เทคโนโลยีวิศวกรรมของเยอรมันก็สร้างไม่ได้

โดยในช่วงเวลาที่แตกต่างกันและขึ้นอยู่กับระดับของกิจกรรมที่คุณทำ ร่างกายต้องการพลังงานในปริมาณที่แตกต่างกันเพื่อให้ร่างกายทำงานได้อย่างราบรื่น สมมติว่าคุณกลับบ้านในวันเสาร์ คู่สมรสและลูกของคุณออกไปแล้ว คุณจึงอยู่คนเดียวที่บ้าน คุณตัดสินใจว่าเป็นเวลาที่ดีที่จะติดตาม Netflix คุณนอนลงบนโซฟา ยกเท้าขึ้น และไม่นานคุณก็หลับไป

 ทันใดนั้น คุณได้รับโทรศัพท์จากคู่ของคุณพ่อแม่ของพวกเขากำลังจะมาทานอาหารเย็น คุณต้องข้ามไป  เครื่องช่วยฟัง   ที่ซุปเปอร์มาร์เก็ตและซื้อของบางอย่าง คร่ำครวญกับตัวเอง คุณลุกขึ้น สวมรองเท้าแล้วรีบออกจากประตู ซุปเปอร์มาร์เก็ตอยู่ใกล้ ๆ คุณจึงตัดสินใจเดินไปที่นั่นแทนการขับรถ

ในแต่ละกรณีนอนนิ่งๆ ยืนขึ้น เดินร่างกายของคุณกำลังใช้พลังงาน แต่อัตราการใช้พลังงานจะแตกต่างกันทุกครั้ง เมื่อคุณนอนลงและไม่ทำอะไรเลย คุณยังคงทำสิ่งต่างๆ มากมาย ความสับสน แม้ว่าคุณจะไม่รู้ตัว แต่ร่างกายของคุณก็เคลื่อนไหวเหมือนเครื่องจักร ปอดของคุณกำลังดึงอากาศเข้าไป หัวใจของคุณกำลังสูบฉีดเลือด และสมองของคุณยังคงทำงานอยู่

สิ่งเหล่านี้ทำให้คุณมีชีวิตอยู่ได้ และพลังงานที่จำเป็นต่อการทำงานที่จำเป็นทั้งหมดเหล่านี้ แม้ว่าร่างกายของคุณจะอยู่ในสภาวะพักผ่อนก็ตาม เรียกว่า Basal Metabolic Rate (BMR) เห็นได้ชัดว่าเมื่อคุณเริ่มเดิน คุณจะใช้พลังงานในอัตราที่สูงกว่า BMR ของคุณ—ยิ่งกิจกรรมมีความเข้มข้นมากเท่าใด ปริมาณพลังงานที่ใช้ไปในกิจกรรมนั้นก็จะยิ่งมากขึ้นเท่านั้น

ประโยชน์ของการกินเพื่อสุขภาพคืออะไรแน่นอนว่ามีประโยชน์

ประโยชน์ของการกิน การรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพมีประโยชน์มากมาย รวมถึงการสร้างกระดูกที่แข็งแรง ปกป้องหัวใจ ป้องกันโรค และทำให้อารมณ์ดีขึ้น อาหารเพื่อสุขภาพโดยทั่วไปประกอบด้วยอาหารที่มีสารอาหารหนาแน่นจากกลุ่มอาหารหลักทั้งหมด รวมทั้งโปรตีนไม่ติดมัน ธัญพืชไม่ขัดสี ไขมันดี และผักและผลไม้หลากสี นิสัยการกินที่ดีต่อสุขภาพยังรวมถึงการเปลี่ยนอาหารที่มีไขมันทรานส์ เติมเกลือ และน้ำตาลด้วยตัวเลือกที่มีคุณค่าทางโภชนาการมากขึ้น

การรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพมีประโยชน์มากมาย รวมถึงการสร้างกระดูกที่แข็งแรง ปกป้องหัวใจ ป้องกันโรค และทำให้อารมณ์ดีขึ้น

บทความนี้กล่าวถึงประโยชน์สูงสุด ของอาหารเพื่อสุขภาพและหลักฐานเบื้องหลัง

สุขภาพหัวใจ จากข้อมูลของศูนย์ควบคุมและป้องกันโรค (CDC) โรคหัวใจเป็นสาเหตุการเสียชีวิตอันดับต้น ๆ ของผู้ใหญ่ในสหรัฐอเมริกา แหล่งที่เชื่อถือได้ของ American Heart Association (AHA) ระบุว่าเกือบครึ่งหนึ่งของผู้ใหญ่ในสหรัฐอเมริกามีชีวิตอยู่ด้วยโรคหัวใจและหลอดเลือดบางรูปแบบ ความดันโลหิตสูงหรือความดันโลหิตสูงเป็นปัญหาที่เพิ่มมากขึ้น

ในสหรัฐอเมริกา ภาวะนี้อาจนำไปสู่อาการหัวใจวาย หัวใจล้มเหลว และโรคหลอดเลือดสมองได้ อาจเป็นไปได้ที่  เครื่องช่วยฟัง    จะป้องกันโรคหัวใจและหลอดเลือดก่อนวัยอันควรได้มากถึง 80% ด้วยการเปลี่ยนแปลงวิถีชีวิต เช่น เพิ่มการออกกำลังกายและการรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ อาหารที่ผู้คนกินสามารถลดความดันโลหิตและช่วยให้หัวใจแข็งแรง

อาหาร DASH หรือแนวทางการบริโภคอาหารเพื่อหยุดอาหารความดันโลหิตสูง รวมถึงอาหารเพื่อสุขภาพหัวใจมากมาย โปรแกรมแนะนำแหล่งที่เชื่อถือได้

  • รับประทานผัก ผลไม้ และเมล็ดธัญพืชให้มาก
  • การเลือกผลิตภัณฑ์นมที่ปราศจากไขมันหรือไขมันต่ำ ปลา สัตว์ปีก ถั่ว ถั่วเปลือกแข็ง และน้ำมันพืช
  • จำกัดการบริโภคไขมันอิ่มตัวและไขมันทรานส์ เช่น เนื้อสัตว์ติดมันและผลิตภัณฑ์จากนมไขมันเต็มส่วน
  • จำกัด เครื่องดื่มและอาหารที่มีน้ำตาลเพิ่ม
  • จำกัดการบริโภคโซเดียมให้น้อยกว่า 2,300 มิลลิกรัมต่อวัน หรือควรได้รับ 1,500 มิลลิกรัมต่อวัน และเพิ่มการบริโภคโพแทสเซียม แมกนีเซียม และแคลเซียม
  • อาหารที่มีเส้นใยสูงยังมีความสำคัญต่อการรักษาหัวใจให้แข็งแรง

แหล่งที่เชื่อถือได้ของ AHAT ระบุว่าใยอาหารช่วยปรับปรุงคอเลสเตอรอลในเลือดและลดความเสี่ยงของโรคหัวใจ โรคหลอดเลือดสมอง โรคอ้วน และเบาหวานชนิดที่ 2 วงการแพทย์ยอมรับมานานแล้วถึงความเชื่อมโยงระหว่างไขมันทรานส์กับความเจ็บป่วยที่เกี่ยวข้องกับหัวใจ เช่น โรคหลอดเลือดหัวใจ

การจำกัดไขมันบางประเภทยังสามารถทำให้สุขภาพหัวใจดีขึ้นได้ ตัวอย่างเช่น การกำจัดไขมันทรานส์จะลดระดับคอเลสเตอรอลที่มีไลโปโปรตีนชนิดความหนาแน่นต่ำ (LDL) คอเลสเตอรอลประเภทนี้ทำให้เกิดคราบจุลินทรีย์สะสมภายในหลอดเลือดแดง เพิ่มความเสี่ยงต่อการเป็นโรคหัวใจและหลอดเลือด การลดความดันโลหิตยังสามารถส่งเสริมสุขภาพของหัวใจ

ผู้ใหญ่ส่วนใหญ่อาจทำได้โดยการจำกัดการบริโภคเกลือให้ไม่เกิน 1,500 มก. ต่อวัน ผู้ผลิตอาหารใส่เกลือลงในอาหารแปรรูปและอาหารจานด่วนจำนวนมาก และผู้ที่ต้องการลดความดันโลหิตควรหลีกเลี่ยงผลิตภัณฑ์เหล่านี้

ข้อควรระวังการออกกำลังกายสำหรับผู้สูงอายุ

การออกกำลังกายสำหรับผู้สูงอายุ สำหรับผู้สูงอายุแล้วเมื่อเริ่มมีอายุมากขึ้น สุขภาพร่างกายก็ย่อมเสื่อมสภาพลงตามกาลเวลา ซึ่งแน่นอนว่าผู้สูงอายุส่วนใหญ่นั้นมักที่จะมองหาวิธีการทำให้สุขภาพร่างกายของตนเองนั้นแข็งแรงอยู่เสมอ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการออกกำลัง

เพราะถึงแม้ว่าผู้สูงอายุส่วนใหญ่จะมีร่างกายที่ไม่ค่อยแข็งแรงเนื่องจากไม่ค่อยได้เคลื่อนไหวร่างกายอยู่บ่อยๆจึงทำให้การออกกำลังนั้นไม่ค่อยได้รับความนิยมสำหรับผู้สูงอายุสักเท่าไหร่ แต่ในขณะเดียวกันการออกกำลังก็มีความสำคัญและจำเป็นอย่างมากสำหรับผู้สูงอายุ เพราะการที่ผู้สูงอายุได้เคลื่อนไหวร่างกายอยู่บ่อยๆ

ก็จะมีส่วนช่วยในการเสริมสร้างความแข็งแรงให้แก่กระดูกและร่างกายได้ อีกทั้งยังทำให้การใช้ชีวิตนั้นเป็นไปได้อย่างมีประสิทธิภาพอีกด้วย ซึ่งรู้หรือไม่ว่าในสมัยปัจจุบันนี้มีรูปแบบการออกกำลังกายมากมายหลากหลายวิธีซึ่งในแต่ละวิธีนั้นก็จะมีประโยชน์ต่อร่างกายที่แตกต่างกันออกไป

สำหรับผู้สูงอายุคนไหนที่มองหากิจกรรมกีฬาหรือการออกกำลังกายก็ควรที่จะเลือกให้มีความเหมาะสมกับสุขภาพร่างกายของตนเองมากที่สุด เพื่อไม่ให้ร่างกายได้รับผลกระทบนั้นเอง อย่างไรก็ตามถึงแม้การออกกำลังจะมีประโยชน์ต่อร่างกายมากแค่ไหนก็ตามแต่ก็ยังมีข้อที่ผู้สูงอายุนั้นควรระวังในระหว่างการออกกำลังกาย จะมีอะไรกันบ้างนั้นวันนี้เราจะพาทุกคนไปดูกันค่ะ

  • ผู้สูงอายุควรตรวจร่างกายของตนเองให้พร้อม

แน่นอนว่าร่างกายของผู้สูงอายุส่วนใหญ่ ค่อนข้างที่จะอ่อนแอเนื่องจากไม่ได้รับการออกกำลังกายอยู่บ่อยๆ จึงทำให้การออกกำลังกายนั้นเป็นเรื่องที่ยาก แต่หากผู้สูงอายุคนไหนที่อยากเสริมสร้างความแข็งแรงให้แก่ร่างกายด้วยการออกกำลังกาย ทางที่ดีก็ควรที่จะตรวจเช็คสุขภาพร่างกายของตนเองให้ดีเพื่อเตรียมความพร้อมในการออกกำลังกาย เพื่อที่จะได้ลดความเสี่ยงต่อการได้รับบาดเจ็บได้ง่ายนั่นเอง

  • เลือกการออกกำลังกายที่เหมาะสมกับร่างกายตนเองมากที่สุด

สำหรับผู้สูงอายุแล้ว การเลือกกิจกรรมการออกกำลังกายที่มีความเหมาะสมกับสภาพร่างกายของตนเองนั้นก็เป็นสิ่งสำคัญที่ไม่ควรมองข้าม เพราะอย่างที่เราทราบกันดีว่าในสมัยปัจจุบันนี้มีวิธีการออกกำลังกายมากมายหลากหลายวิธี ซึ่งในแต่ละวิธีนั้นก็จะมีประโยชน์ที่แตกต่างกันออกไป ดังนั้น ผู้สูงอายุที่ต้องการเสริมสร้างความแข็งแรงให้แก่กระดูกหรือร่างกายก็ควรที่จะเลือกกิจกรรมการออกกำลังกายที่มีความเหมาะสมกับตนเองมากที่สุดเพื่อให้ได้ประสิทธิภาพต่อร่างกายมากที่สุด

  • การออกกำลังกายในรูปแบบเบาๆ

เนื่องจากในสมัยนี้คนส่วนใหญ่มักที่จะออกกำลังกายอย่างหนักเพื่อให้ได้ประสิทธิภาพต่อร่างกายและเพื่อเสริมสร้างความแข็งแรงให้แก่ร่างกาย แต่รู้หรือไม่ว่าสำหรับผู้สูงอายุแล้ว นอกจากจะมีสุขภาพร่างกายที่ไม่แข็งแรงทั้งที่ดีก็ควรที่จะเลือกการออกกำลังกายที่เบาๆไปถึงปานกลางไม่หนักจนเกินไป เพื่อที่จะได้ทำให้อัตราการเต้นหัวใจนั้นอยู่ในระดับที่ปกติ เพื่อลดโอกาสเสี่ยงต่อการได้รับอันตรายจากการออกกำลังกายนั่นเอง

 

สนับสนุนโดย    เครื่องช่วยฟัง

รู้หรือไม่สุขภาพที่ดีควรเป็นอย่างไร

สมัยปัจจุบันนี้ การมีสุขภาพร่างกายที่ดีและแข็งแรง ถือเป็นสิ่งสำคัญอย่างที่หลาย ๆ คนนั้นไม่ควรที่จะมองข้าม เพราะการที่เรามีสุขภาพร่างกายที่ดีจากภายในสู่ภายนอก อาจเป็นสิ่งสำคัญที่จะทำให้การใช้ชีวิตของเรานั้นเต็มไปด้วยประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น แต่เนื่องด้วยการใช้ชีวิตในประจำวัน

รู้หรือไม่ สุขภาพที่ดีควรเป็นอย่างไร

ทำให้คนส่วนใหญ่มักที่จะปล่อยละเลยการดูแลสุขภาพร่างกายของตนเอง หรือบางคนก็อาจมีพฤติกรรมการทำลายสุขภาพร่างกายของตนเองโดยไม่รู้ตัว เพราะในแต่ละวันนั้นมักที่จะใช้ชีวิตเต็มไปด้วยการทำงาน จนอาจทำให้บางคนไม่มีเวลาออกกำลังกาย รับประทานอาหารไม่ตรงเวลาบ้าง รวมไปจนถึงการทำร้ายสุขภาพร่างกายทางอ้อม

อย่างไรก็ตาม ไม่ว่าใครในสมัยปัจจุบันนี้ก็คงที่อยากจะมีสุขภาพร่างกายที่และแข็งแรงกันทั้งนั้น เพื่อที่จะได้ทำให้การดำเนินชีวิตนั้นเต็มไปด้วยประสิทธิภาพมากที่สุด ฉะนั้น วันนี้เราก็จะพาทุกคนไปดูกันว่า การที่เราจะมีสุขภาพร่างกายที่ดีได้นั้น ควรที่จะเป็นอย่างไร ไปดูกันเลย 

1.การออกกำลังกายเป็นประจำอย่างสม่ำเสมอ

แน่นอนว่าการที่ร่างกายของเราได้เคลื่อนไหว หรือได้รับปการออกกำลังกายเป็นประจำอย่างสม่ำเสมอนั้น จะยิ่งช่วยเสริมสร้างความแข็งแรงให้แก่ร่างกาย ช่วยเสริมสร้างกล้ามเนื้อที่ดีให้แก่ร่างกายของเราได้ ดังนั้น หากใครที่อยากมีสุขภาพร่างกายที่ดี ก็ควรที่จะหมั่นออกกำลังกายเป็นประจำอย่างน้อยอาทิตย์ละ 3-5 ครั้ง เพื่อกระตุ้นการทำงานของร่างกาย เพื่อให้ร่างกายของเรารู้สึกสดชื่น ผ่อนคลาย รวมไปจนถึงเป็นการบริหารปอดของเราให้สุขภาพดีขึ้นได้อีกด้วย 

2.การหลีกเลี่ยงพฤติกรรมที่ส่งผลเสียต่อสุขภาพ

อย่างที่เราทราบกันดีว่า คนส่วนใหญ่ในสมัยปัจจุบันนี้มักที่จะมีพฤติกรรมการทำร้ายสุขภาพร่างกายของตนเอง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ การสูบหรี่ เพราะพฤติกรรมนี้ถือเป็นพฤติกรรมการทำลายสุขภาพร่างกายของเราโดยตรง โดยเฉพาะการเสี่ยงต่อการเป็นโรคมะเร็งปอดนั่นเอง ดังนั้น หากต้องการมีสุขภาพร่างกายที่ดีและแข็งแรง ก็ควรที่จะหลีกเลี่ยงพฤติกรรมดังกล่าว เพื่อไม่เป็นการทำร้ายร่างกายของเรานั่นเอง 

3.การรับประทานอาหารให้ครบ 5 หมู่

เนื่องจากการเลือกรับประทานอาหารในสมัยปัจจุบันนี้ เป็นสิ่งสำคัญอย่างมากที่เราไม่ควรมองข้าม ยิ่งถ้าใครอยากมีสุขภาพร่างกายที่ดีและแข็งแรง การเลือกรับประทานอาหารที่ดีและมีประโยชน์ให้ครบทั้ง 5 หมู่ ตามความต้องการของร่างกาย จะยิ่งทำให้ร่างกายของเรานั้นทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น อีกทั้งยังช่วยกระตุ้นการทำงานของอวัยวะต่าง ๆ ภายในร่างกายอีกด้วย นอกจากนี้ ยังช่วยให้ร่างกายของเราได้รับสารอาหารที่เพียง เพื่อเข้าไปเลี้ยงส่วนต่าง ๆ ของร่างกายได้อีกด้วย 

 

ได้รับการสนับสนุนจาก    เครื่องช่วยฟัง

3 เคล็ดลับการออกกำลังกายสำหรับผู้ป่วยโรคหัวใจ

ผู้ป่วยโรคหัวใจ  ถือเป็นหนึ่งในโลกที่มีความอันตรายร้ายแรงต่อสุขภาพร่างกายของคนเราเป็นอย่างมาก อีกทั้งยังเป็นโรคที่พบเจอได้บ่อยอีกด้วย ซึ่งรู้หรือไม่ว่าโลกนี้ถึงแม้ว่าในระยะเริ่มต้นจะไม่มีอาการที่รุนแรงมากนักแต่ถ้าหากเราปล่อยไว้อาการก็อาจจะรุนแรงมากขึ้นจนส่งผลกระทบต่อชีวิตของเราได้ อีกทั้งยังทำให้ร่างกายของเรานั้นเสี่ยงต่อการเป็นโรคร้ายอื่นๆได้ง่ายมากขึ้นอีกด้วย

ดังนั้น ในสมัยปัจจุบันนี้เราจะเห็นได้ว่าคนส่วนใหญ่นั้นมักที่จะมองหาวิธีการดูแลสุขภาพร่างกายของตนเองเพื่อเป็นหนึ่งในตัวช่วยที่จะป้องกัน ไม่ให้โรคหัวใจนั้นมีอาการที่รุนแรงจนส่งผลกระทบต่อชีวิตได้ ซึ่งในสมัยนี้การดูแลสุขภาพร่างกายของตนเองให้ดีก็สามารถทำได้หลากหลายวิธีที่แตกต่างกันออกไป ไม่ว่าจะเป็นการออกกำลังกายเป็นประจำอย่างสม่ำเสมอ

ควบคู่ไปกับการเลือกรับประทานอาหารที่มีส่วนช่วยในการป้องกันการเกิดโรคหัวใจได้ ซึ่งหากเราทำเป็นประจำก็จะมีส่วนช่วยในการลดโอกาสเสี่ยงของโรคหัวใจที่อาจเกิดอาการรุนแรงขึ้นได้ อย่างไรก็ตามสำหรับใครที่กำลังเสี่ยงต่อการเป็นโรคหัวใจและยากที่จะออกกำลังกายเพื่อเสริมสร้างความแข็งแรงให้แก่ร่างกาย

และเพื่อบริหารหัวใจของเราให้สุขภาพดีมากขึ้น วันนี้เราก็จะมาแนะนำเทคนิคง่ายๆในการออกกำลังกายสำหรับผู้ป่วยโรคหัวใจรับรองได้เลย    เครื่องช่วยฟัง      ว่าหากออกกำลังกายเป็นประจำอย่างสม่ำเสมอนอกจากจะมีสุขภาพร่างกายที่ดีแล้ว ยังทำให้อาการของโรคหัวใจนั้นลดลงได้อีกด้วย จะมีวิธีไหนกันบ้างนั้นไปดูกันเลย

การออกกำลังกายในรูปแบบแอโรบิค เนื่องจากการออกกำลังกายในรูปแบบนี้ เป็นการออกกำลังกายในรูปแบบสบายๆซึ่งจะทำให้เรารู้สึกผ่อนคลายและช่วยคลายเครียดได้เป็นอย่างดี อีกทั้งยังไม่ยุ่งยากและไม่จำเป็นจะต้องมีอุปกรณ์เสริมอีกด้วย โดยการออกกำลังกายในรูปแบบนี้จะมีส่วนช่วยในการเสริมสร้างกล้ามเนื้อหัวใจของเราให้แข็งแรงขึ้นได้ ทั้งยังช่วยให้ระบบการไหลเวียนเลือดนั้นทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้นอีกด้วย

การออกกำลังกายในรูปแบบโยคะ แน่นอนว่าการออกกำลังกายในรูปแบบนี้เป็นการออกกำลังกายที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมากในสมัยปัจจุบัน เพราะเป็นการออกกำลังกายในรูปแบบที่ง่าย ช่วยบรรเทาความเครียดได้และทำให้เรารู้สึกผ่อนคลายได้ในขณะเดียวกัน สำหรับผู้ป่วยโรคหัวใจที่อยากออกกำลังกายการออกกำลังกายในรูปแบบของการเล่นโยคะ ถือเป็นหนึ่งในการออกกำลังกายที่มีส่วนช่วยในการทำให้ร่างกายของเราเกิดความยืดหยุ่นได้ดี และช่วยควบคุมความดันโลหิตสำหรับผู้ที่ป่วยเป็นโรคหัวใจได้อีกด้วย

การออกกำลังกายในรูปแบบเวทเทรนนิ่ง ถึงแม้ว่าการออกกำลังกายในรูปแบบนี้จะทำให้หลายคนมองว่าเป็นการออกกำลังกายในรูปแบบหนักเกินไป แต่รู้หรือไม่ว่าการเล่นด้วยเทรนนิ่งมีส่วนช่วยในการเสริมสร้างกล้ามเนื้อที่ดีและแข็งแรงให้แก่ร่างกายได้ ช่วยในเรื่องของการทรงตัว ช่วยควบคุมน้ำหนักได้ รวมไปจนถึงช่วยเพิ่มกล้ามเนื้อที่ช่วยเร่งการเผาผลาญไขมันได้เป็นอย่างดีนั่นเอง

ศึกษาข้อจำกัดที่ต้องพิจารณาต่อสุขภาพ

ข้อเสียเปรียบหลักประการหนึ่งของการวิจัยคือ TIB ไม่จำเป็นต้องสะท้อนเวลาที่ใช้ในการนอนหลับ

นักวิทยาศาสตร์ระบุว่าระยะเวลาการนอนหลับเป็นปัจจัยสำคัญต่อสุขภาพด้านความรู้ความเข้าใจและความเสี่ยงต่อภาวะสมองเสื่อม Breus ระบุว่า TIB ที่ยาวขึ้นอาจบ่งบอกถึงปัญหาที่เกี่ยวข้องกับการนอนหลับ เช่น การนอนไม่หลับ ซึ่ง “อาจส่งผลต่อสถานการณ์นี้และทำให้แย่ลง”

พิจารณาต่อสุขภาพ การศึกษาของแคนาดาเมื่อเร็วๆ นี้ ยังเน้นว่าผู้ที่นอนไม่หลับมีความเสี่ยงสูงที่จะสูญเสียความทรงจำ นอกจากนี้ TIB ไม่ได้พิจารณาถึงคุณภาพการนอนหลับของบุคคล ซึ่งถือว่ามีความสำคัญในด้านความรู้ความเข้าใจและภาวะสมองเสื่อม ตัวอย่างเช่น การนอนหลับไม่เพียงพออาจส่งผลต่อความจำอย่างมาก (จะอธิบายเพิ่มเติมในภายหลัง)

มีการพิจารณาขั้นสุดท้ายที่ต้องคำนึงถึงการศึกษานี้ เช่นเดียวกับการศึกษาอื่นๆ อีกมากที่คล้ายคลึงกัน เป็นการศึกษาความสัมพันธ์ ดังนั้นจึงไม่แสดงเหตุและผล” บาซิลอธิบาย

ดังนั้นจึงไม่ชัดเจนนักว่าความสัมพันธ์ที่สังเกตได้ (ในกรณีนี้คือเวลาสั้นหรือยาวบนเตียงหรือเวลานอนหลับ) ทำให้เกิดภาวะสมองเสื่อมจริงหรือเกี่ยวข้องทางอ้อมกับมัน” เขากล่าวเสริม

การนอนหลับส่งผลต่อความจำอย่างไร สัญญาณสำคัญของภาวะสมองเสื่อมคือการสูญเสียความจำ อย่างไรก็ตาม ในทุกช่วงอายุของชีวิต “เรารู้ว่าการนอนหลับที่มีคุณภาพเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับหลาย ๆ คน หากไม่ใช่ทุกความทรงจำ” บาซิลอธิบาย จะเกิดอะไรขึ้นเมื่อคุณอยู่ในสภาวะหลับใหล เกี่ยวกับหน่วยความจำมีสองการกระทำหลักเกิดขึ้น

ประการแรกคือการประมวลผลและ การจัดเก็บความทรงจำ Rabin อธิบายว่า “หน่วยความจำระยะสั้นจะถูกเก็บไว้ในสมองส่วนฮิปโปแคมปัสในตอนแรก ซึ่งเป็นพื้นที่ที่ข้อมูลถูกจัดเก็บไว้เพื่อการจดจำและใช้งานในระยะสั้นเมื่อเรานอนหลับ ข้อมูลจากฮิบโปแคมปัสจะถูกส่งผ่านไปยังโครงสร้างคอร์เทกซ์ที่สูงขึ้นของสมอง ซึ่งช่วยให้มันกลายเป็นความทรงจำระยะยาวและรวมเข้ากับความทรงจำในอดีต” เขากล่าวต่อ

Rabin เปิดเผยว่ากระบวนการนี้เรียกว่าการรวมหน่วยความจำใหม่และได้รับผลกระทบโดยเฉพาะอย่างยิ่งจากการนอนหลับ REM ที่มีคุณภาพต่ำหรือระยะเวลาการนอนหลับที่สั้นลง ประการที่สอง การนอนหลับคือการที่สมองของเรากำจัดสารพิษที่เป็นอันตราย

ซึ่งอาจส่งผลต่อความจำเมื่อเวลาผ่านไปเมื่อสมองทำงานในระหว่างวัน มันจะสร้างสิ่งที่เราเรียกว่า ชนิดของออกซิเจนปฏิกิริยาหรือของเสียจากการอักเสบได้มากมาย” ราบินกล่าว “เมื่อสมองหลับและสามารถฟื้นตัวได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสภาวะการนอนหลับลึกและ REM [มัน] จะล้างพิษและกำจัดของเสียที่เกิดจากการอักเสบ” การสะสมของสารพิษในที่สุดทำให้เกิดความเครียดเป็นพิเศษในสมองและป้องกันไม่ให้เกิดการรวมตัวของหน่วยความจำโดยสรุป คุณภาพการนอนหลับ มากเท่ากับปริมาณการนอนหลับ อาจมีความสำคัญ” ดิมิทรีกล่าว

 

สนับสนุนโดย.    เครื่องช่วยฟัง

อาการของคนเมารถ

อาการของคนที่เมารถ  เมาเรือ  เมาเครื่องบินอาจเป็นปัญหาของคนหลายๆคนเพราะว่าเวลาที่เรานั้นจะเดินทางไปไหนมาไหนนั้นมักจะมีอาการที่เรานั้นเมารถทำให้คนที่เป็นนั้นเกิดอาการที่หงุดหงิดอย่างมากสำหรับที่มีอาการแบบนี้เพราะว่าจะเดินทางไปทางไหนนั้น

จะเกิดอาการที่เวียนหัวเป็นอย่างมากมีอากรคลื่นไส้ตามมาอีกด้วยหรือว่าอาเจียนซึ่งอาการดังกล่าวนั้นสามารถที่จะป้องกันได้ด้วยการที่เรานั้นต้องเปลี่ยนพฤติกรรมบางอย่างในระหว่างเดินทาง เรานั้นอาจจะใช้ยาแก้เมารถตามคำแนะนำของหมอนั้นก็ได้หรือว่าจะเป็นตามเภสัชกร

อาการเมารถเป็นอย่างไร

อาการของคนที่เมารถนั้นจะเกิดขึ้นแต่เฉพาะบางคนเท่านั้นเพราะว่าไม่ได้เกิดขึ้นกับทุกคนอาการของคนที่เมารถนั้นเป็นตอนที่เรานั่งรถโดยสารยานพาหนะที่เรานั้นจะไปสักที่เราเกิดอาการเมารถและก็มีคนที่ไม่เมารถนั้นสามารถที่จะบอกอาการได้ว่าเรานั้นกำลังเมารถอาการของคนที่เมารถนั้นได้แก่

  • เวียนหัว
  • จะรู้สึกว่าไม่สบายท้อง  มีอาการคลื่นไส้  อาเจียน  
  • อ่อนเพลีย
  • มีเหงื่อออก
  • แต่ถ้าเมื่อเป็นเด็กเล็กที่เมารถนั้นจะมีอาการของหน้าซีด  กระสับกระส่าย  หาว  หรือว่าร้องไห้ร่วมด้วย

เมารถนั้นเกิดขึ้นได้อย่างไร

อาการเมารถ เมาเรือ  หรือว่าเมาเครื่องบินเกิดขึ้นเมื่อประสาทนั้นรับรู้ของการเคลื่อนไหวของหูชั้นในทำงานไม่ประสานกับภาพดวงตามองเห็นสมองจึงได้รับสัญญานที่ขัดแย้งกันมีอาการเมารถตามมาโดยอาการเกิดจากการโดยสารรถที่ขับเหวี่ยงไปมาหรือขับรถบนถนนที่คดเคี้ยวนามมากเกินไป  การที่เรานั่งเรือโครงเคลงตามลูกคลื่นการโดยสารเครื่องบิน  หรือแม้แต่ระหว่างเล่นเครื่องเล่นที่ผาดโผนต่างๆอย่างในสวนสนุกนั้นก็ก็ทำให้เรานั้นเมารถได้เหมือนกัน อาทิอย่างเช่น รถไฟเหาะ

ในกลุ่มต่อไปนี้ก็อาจเกิดอาการเมารถได้มากกว่าคนอื่นคนทั่วไป

  • ผู้ที่ป่วยประสาทรับรู้การเคลื่อนไหวเร็ว
  • ผู้หญิงที่กำลังจะมีประจำเดือน  ตั้งครรภ์  หรือว่าอยู่ในช่วงรับการบำบัดด้วยฮอร์โมน
  • ผู้ป่วยไมเกรน
  • เด็กอายุ 2-3 ปี 
  • ผู้ป่วยที่กำลังใช้ยาบางชนิดที่เกี่ยวกับ ยารักษาโรคหืดยาต้านอาการซึมเศร้า ยาปฏิชีวนะ ยาไอบูโพรเฟน ยานาพรอกเซน 
  • ผู้ที่ป่วยโดยที่ใช้ยาเสพติด

บรรเทาอาการเมารถได.อย่างไร

อาการที่เรานั้นเมารถหรือว่าเมาเครื่องบินนั้นสามารถป้องกันด้วยตัวเองอย่างเช่นเรานั้นก็กินยาเมารถตามที่แพทย์นั้นสั่งหือว่าเรานั้นต้องรถโดยสารนั้นให้เรานั้นพยายามนั่งหน้ารถเพื่อให้เรานั้นเห็นข้างหน้าอย่างนี้เป็นต้น

 

ได้รับการสนับสนุนโดย  เครื่องช่วยฟัง

รูหูทำหน้าที่อะไรบ้าง

รูหูก็เป็นอีกหนึ่งอวัยวะที่สำคัญมาก ๆ เพราะรูหูก็เป็นทางลำเรียงเสียงไปยังหูชั้นในซึ่งสำคัญต่อการสื่อสารมาก หากรูหูเป็นอะไรขึ้นมาก็จะลำบากได้ รูหูเป็นอวัยวะชั้นนอก แต่ไม่นอกที่สุดลองจากใบหู เพราะรูหูจะอยูเข้ามาในหูมากกว่าใบหู

ซึ่งโรคที่เกี่ยวกับรูหูนั้นก็จะมี เช่น โรคหูอักเสบส่วนมากแล้วนั้นก็จะเป็นแถวๆรูหู ซึ่งถ้าหากเป็นรูหูอักเสบนั้นก็มักจะมีน้ำหนองถ้าหากไม่ดูแลรักษาอย่างดี เพราะหูจะติดเชื้อได้ง่ายมาก และส่วนใหญ่แล้วนั้นโรคที่เกิดตรงบริเวณรูหูก็จะมีส่วนเกี่ยวข้องกับอวัยวะภายในหูเช่นกัน เช่น เยื้อหูชั้นนอก

ซึ่งเยื้อหูชั้นนอกนั้นก็จะอยู่ถัดเข้าใปในรูหู ซึ่งส่วนใหญ่แล้วถ้าหากเป็นรูหูอักเสบแล้วนั้นเยื้อหูชั้นนอกก็มักอักเสบเช่นกัน เพราะระบบของหูนั้นมันจะเชื่อมโยงกัน ฉะนั้นการดูแลรักษาหูจึงสำคัญ ไม่ใช่แค่การดูแลใบหูเป็นอย่างเดี่ยวแต่ต้องรวมไปรูหู หูชั้นนอก หูชั้นใน แก้วหู ด้วย

เพราะแต่ละอย่างก็สำคัญไม่แพ้กันเลย ถ้าหากท่านใดที่ไม่ค่อยสนใจเกี่ยวกับเรื่องหูจะต้องหันมาดูแลใส่ใจมากขึ้น เพราะถ้าไม่ดูแลก็อาจจะทำให้เกิดโรคต่างๆตามมาได้ ซึ่งแต่ละโรคที่เกี่ยวกีบหู ก็เป็นอันตรายต่อสุขภาพทั้งนั้น ขั้นอยู่ว่าจะเป็นขั้นรุนแรงหรือไม่  แต่ส่วนใหญ่แล้ว ถ้าหากเป็นโรคที่เกี่ยวกับหูก็มักจะมีโรคแทรกซ้อนเข้ามา เพราะหูเป็นอวัยวะที่เชื่อมโยงกับอวัยวะส่วนอื่น ๆ ของร่างกาย เช่น เชื่อมโยงกับทางเดินหายใจ จะสังเกตได้ว่า ถ้าหากเรามีอาการเกี่ยวกับอาการหวัด หรือมีไข้ มีน้ำมูก เราจะรู้สึกเจ็บหู และถ้าหากไปพบหมอ หมอจะบอกให้ท่านอย่างสั่งน้ำมูกแรง เพราะอาจจะทำให้แก้วหูอักเสบได้

หรืออาจจะทำให้เกิดโรคหูน้ำหนวกได้ เพราะอาจจะทำให้น้ำมูกไปอยู่ที่หูได้ และอีกโรคที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับหูคือ โรคไมเกรน คนที่ป่วยเป็นไมเกรนส่วนใหญ่ถ้าหากเป็นขั้นรุนแรง ปวดหัวแบบรุนแรง จะมีอาการของการเจ็บหูเข้ามาแทรกตลอด เพราะหูก็เชื่อมโยงกับระบบประสาทเหมือนกับอวัยวะอื่นๆของร่างกาย จะเห็นได้ว่าหูนั้นสำคัญมาก

สำหรับมนุษย์เพราะทั้งจะเป็นเครื่องมือสื่อสารชั้นดีแล้วนั้นยังเป็นอีกหนึ่งอวัยวะที่สำคัญต่อระบบอื่นๆด้วย ฉะนั้นเราทุกคนจะต้องหันมารักตัวเองด้วยการดูแลรักษาสุขภาพตัวเองให้ดีแล้วนั้น หูก็เป็นหนึ่งอวัยวะที่สำคัญมากต่อเรา ฉะนั้นเราก็ควรจะได้รับการดูแลให้ดีเช่นกัน

 

 

ได้รับการสนับสนุนมาจาก   เครื่องช่วยฟัง

วิธีการเลือกซื้อหูฟัง Wireless

เคล็ดลับในการเลือกหูฟัง Wireless มีลักษณะอย่างไรบ้างนะ

การเลือกซื้อหูฟัง Wireless นั้น มีมากมายหลายแบรนด์หลายเจ้าต่างๆ วันนี้กระผมจะมาแนะนำเคล็ดลับการเลือกหูฟัง Wireless แบบคร่าวๆ เพื่อให้เพื่อนๆ ได้รับรู้ก่อนตัดสินใจซื้อว่าเราควรเลือกหูฟัง Wireless แบรนด์ไหนดี เพราะเราก็คาดหวังที่การใช้งานของเจ้าหูฟังตัวนี้ อยากให้ได้เสียงที่มีคุณภาพ สัญญาณที่ดีถึงแม้อาจจะมีคุณภาพเสียงที่ด้อยกว่าหูฟังทั่วไปอยู่ระดับหนึ่งก็ตาม แต่การเลือกให้ดีให้คุ้มค่ากับราคาก็เป็นสิ่งสำคัญ เคล็ดลับในการเลือกหูฟัง Wireless ที่ผมนำมาแนะนำมีดังนี้

1 ระวังเรื่องเสียงดีเลย์ เสียงดีเลย์จะทำให้เรารู้สึกอึดอัดเวลาใช้งานเพราะมันไม่ตรงตามสิ่งที่เราต้องการเช่นการดูหนัง ฟังเพลง ในหน้าจอโทรศัพท์ นักร้องอาจร้องนำไปแล้วแต่เสียงดันพึ่งจะมาโผล่ที่หูฟัง จะทำให้เราเสียอรรถในการรับฟัง

2 ดีไซน์สวยงามเหมาะกับการใช้งาน เรื่องดีไซน์ของหูฟังตัวนี้นั้น บางคนอาจเลือกเพราะความสวยงาม แต่ที่ลืมไม่ได้เลยว่าเป้าหมายที่เราจะใช้หูฟังตัวนี้คืออะไร นั่นคือดีไซน์ที่เล็กสะดวกสบายในการใช้งานพกพา แนะนำเป็นแบบ IN EAR เพราะจะใส่ตรงเข้ากระชับรูหูของเราไม่หลุดง่ายจนเกินไป

3 ความคงทน  นอกจากวัสดุของหูฟังที่ต้องการแบบคงทนแล้วยังมีเรื่องแบตเตอรี่ก็ต้องอึดด้วย เพราะเนื่องจากการใช้งานแบบไร้สาย เราอาจจะลืมตัวอาจใช้ในขณะขับรถหรือออกกำลังกาย กิจกรรมที่ใช้เวลานาน ควรเลือกแบรนด์ที่มีความอึดของแบตเตอรี่ที่สูงเพื่อให้เหมาะกับตัวเรานั่นเอง และที่สำคัญอาจจะเลือกแบบกันน้ำกันเหงื่อกันไรฝุ่นเพื่อให้เข้ากับการใช้งานของตัวเรามากขึ้น ตัวบอดี้เองก็ควรดูลักษณะว่าแข็งแรงคงทนในระดับหนึ่งไหม เพราะเกิดหลุดจากหูเรา หูฟังไร้สายตัวนี้จะไม่มีอะไรรองรับผลลัพท์นั่นก็คือร่วงหล่นหรือกระแทกหูฟัง บางแบรน์อาจมีความคงทนที่น้อยอาจจะทำให้พังได้ง่ายขึ้น

 

สนับสนุนเรื่องราวที่ให้คุณอ่านเหล่านี้โดย  เครื่องช่วยฟัง