ฟักทอง ประโยชน์ดีๆ ที่ควรเลือก

รู้ไหม…ฟักทองไม่ได้มีดีแค่นำไปแกะสลักและตกแต่งเพียงอย่างเดียว แต่มีประโยชน์ต่อร่างกายอีกมหาศาลเชียวละ มาดูกันเลย!

• ช่วยให้ท้องอิ่ม

เมล็ดฟักทองซึ่งสามารถกินได้มีไฟเบอร์สูงถึง 1.7 กรัมต่อ 1 ออนซ์ ในขณะที่ฟักทองบดจะมีไฟเบอร์ 3 กรัมและ 50 แคลเลอรี่เท่านั้นเอง ด้วยคุณประโยชน์ของไฟเบอร์ที่นอกจะช่วยให้กระตุ้นระบบการย่อยสลายในร่างกายให้ดีขึ้นแล้ว ไฟเบอร์ยังช่วยให้เรารู้สึกอิ่มท้อง ผลคือเราจะกินอาหารได้น้อยลง ซึ่งดีต่อผู้ที่อยากควบคุมอาหารและน้ำหนัก แต่ไม่อยากอดข้าว

• ช่วยเรื่องการมองเห็น

ฟักทองที่หันเป็นลูกเต๋าประมาณ 1 ถ้วยตวงจะให้วิตามินเอมากเป็นสองเท่าเมื่อเทียบกับปริมาณที่ร่างกายต้องการในแต่ละวัน ซึ่งวิตามินเอจะช่วยเรื่องการมองเห็น เพิ่มประสิทธิภาพในเรื่องสายตาให้ดีขึ้นและช่วยให้มองเห็นในแสงทึบได้ดี นอกจากนี้ฟักทองสามารถช่วยชะลอการเสื่อมสภาพของจอตาซึ่งอาจนำไปสู่โรคตาบอดในตอนกลางคืน (retinitis pigmentosa) นอกจากจะช่วยเรื่องสายตาแล้ว วิตามินเอยังช่วยเรื่องผิวพรรณ ฟันและกระดูกอีกด้วย

• ช่วยลดความดันโลหิต

ในน้ำมันของเมล็ดฟักทองนั้นมีสารที่ชื่อว่า ไฟโตอีสโตรเจน (Phytoestrogen) ซึ่งได้รับการรับรองแล้วว่ามีฤทธิ์ป้องกันความเสี่ยงในการเป็นโรคความดันโลหิตสูง และเมื่อทำการทดลองกับหนูโดยป้อนอาหารเสริมโดยมีน้ำมันของฟักทองเป็นส่วนผสมหลัก ผลคือระดับความดันโลหิตค่าบน (Systolic) และความดันโลหิตค่าล่าง (Diastolic) มีค่าลดลงภายใน 12 สัปดาห์เท่านั้น

• ช่วยให้การนอนดีขึ้น

เมล็ดฟักทองมีกรดอะมิโนที่ชื่อว่า ทริปโตเฟน (Tryptophan) ซึ่งช่วยให้ร่างกายสร้างสารเซโรโทนิน (Serotonin) ทำหน้าที่เกี่ยวกับการแสดงออกทางอารมณ์ ความรู้สึก และควบคุมวงจรการนอนหลับ ที่ช่วยให้ผ่อนคลายและมีความสุข แถมช่วยให้สุขภาพการนอนหลับดีขึ้น

• ช่วยเรื่องฮอร์โมนเพศ

กินฟักทองก็อย่าลืมกินเมล็ดฟักทองด้วย เพราะเห็นเมล็ดจิ๋วๆแบบนี้แต่อุดมไปด้วยสารเบต้าแคโรทีนและสารต้านอนุมูลอิสระหลายชนิด แถมยังมีสารที่ช่วยป้องกันเชื้อมะเร็งร้ายอีกด้วย และหากคุณผู้ชายท่านไหนไม่อยากมีปัญหาเรื่องฮอร์โมนเพศในร่างกาย การรับประทานฟักทองสามารถช่วยแก้ปัญหานี้

โดยได้มีการทำการทดลองกับหนูตัวผู้โดยให้บริโภคเมล็ดฟักทองเป็นประจำ พบว่าเมล็ดฟักทองสามารถยับยั้งไม่ให้เป็นโรคต่อมลูกหมากโต เพราะว่าเมล็ดฟักทองปริมาณ ¼ ถ้วยตวงมีสังกะสีสูงถึง 2.75 กรัมหรือประมาณ 17 เปอร์เซ็นต์ที่ร่างกายควรได้ใน 1 วัน