นิสัยดี ที่ดีต่อสุขภาพและการลดน้ำหนักของคุณ

ทุกคนน อยากจะลดน้ำหนักกันหลายต่อหลายครั้ง แต่ทำไม่สำเร็จ นั้นอาจจะเป็นเพราะว่ามีนิสัยที่ส่งผลต่อการทำให้เราอ้วนหรือน้ำหนักขึ้นได้ด้วยนะ ดังนั้นเพื่อนๆ หันมาเปลี่ยนนิสัย เพื่อตัวเองกันเถอะ หันมามีนิสัยที่จะช่วยลดน้ำหนักหรือผอมกันเถอะนะ ….การลดน้ำหนักของคุณ มีอะไรบ้างไปดูกันเลยยย

-ตั้งเป้าหมาย และจดบันทึกการกิน

เพื่อนๆ ที่อยากลดน้ำหนักหรืออยากผอม แนะนำว่าเพื่อนๆ เปลี่ยนนิสัยการกิน และเริ่มต้นด้วยการตั้งเป้าหมายได้เลย เพราะว่าการตั้งเป้าหมายจะทำให้เพื่อนๆ อยู่ในแผน และไม่หลุดการกินนั้นเอง เริ่มตั้งว่าเราจะให้ร่างกายเราเป็นแบบไหน และหลังจากการตั้งเป้าหมายแล้ว ก็หันมาจดบันทึกการกินได้เลย เพราว่าการจดบันทึกการกินจะทำให้เรารู้ว่าเราได้สารอาหารไปมากน้อย และควรกินอะไรให้ได้สารอาหารครบถ้วน

-เลือกกินอาหารที่มีประโยชน์และดื่มน้ำให้เยอะ

เพื่อนๆ นอกจากการจดบันทึกการกินแล้ว ต้องหันมาเลือกกินอาหารที่มีประโยชนืด้วยนะ อย่างอาหารทั้ง 5 หมู่ นั้นก็คือ คาร์โบไฮเดรตเชิงซ้อน อย่าง ข้าวโอ๊ต ข้าวไรซ์เบอรรี่ เลือกกินโปรตีนดี อย่างอกไก่ ไข่ต้ม เนื้อปลา  เลือกกินไขมันดี อย่างอะโวคาโด และ ถั่วเปลือกแข็งต่างๆ แต่ห้ามกินเยอะมากนะ และนอกจากกนี้อย่าลืมกินผักและผลไม้เยอะๆ ด้วยนะ จะได้เพิ่มวิตามินและเกลือที่ร่างกายต้องการให้ครบถ้วน และเพื่อนๆ ต้องหันมาดื่มน้ำให้เยอะๆ ด้วยนะ เพราะว่าการดื่มน้ำมากๆ นั้นจะช่วยกระตุ้นการทำงานระบบต่างๆในร่างกายให้ทำงานได้ดี อีกด้วย

-ออกกำลังกาย หรือเคลื่อนไหวให้มากๆรวมถึง พักผ่อนให้เพียงพอด้วยนะ 

เพื่อนๆ ที่อยากจะหุ่นดีได้ หรือ ลดความอ้วนได้ไวๆ จะต้องออกกำลังกายให้มากๆ หรือเคลื่อนไหวร่างกายให้เยอะๆ เพราะว่ามันจะช่วยเรื่องการเร่งหรือกระตุ้นระบบเผาผลาญร่างกายได้เป็นอย่างดี หากเพื่อนๆ ไม่สามารถออกกำลังกายได้บ่อยๆ แนะนำว่าระหว่างวันให้เพื่อนๆ พยายามเคลื่อนไหวร่างกายให้ได้มากๆ แทนนะ เพราะอย่างน้อยมันจะช่วยเรื่องการใช้พลังงานแคลอรี่ในร่างกายของเรา และที่อีกเรื่องที่ต้องให้ความสำคัญด้วยนั้นก็คือ การพักผ่อนให้เพียงพอ หรือนอนหลับให้ลึด เพราะว่าการที่เพื่อนๆ นอนได้ดีมีประสิทธิภาพจะทำให้ร่างกายเราได้รับการฟื้นฟูและร่างกายเราจะทำงานได้ดี รวมถึงระบบต่างๆ ในร่างกายดว้ยนะ 

-อย่าเครียดและให้กำลังใจตัวเองบ้าง

เพื่อนๆ ที่ลดน้ำหนักหรือลดความอ้วน ส่วนใหญ่พอทำไปสักพักจะเกิดความเครียดและท้อ แนะนำว่าเพื่อนๆ ไม่ต้องเครียดนะ ค่อยๆเป็นค่อยๆไป เพราะว่าเครียดแล้วร่างกายจะยิ่งไม่เผาผลาญละ ให้กำลังใจตัวเองว่าเราทำได้ดีแล้วทำต่อไปเรื่อยๆ จะดีกว่านะ 

 

สนับสนุนเรื่องราวโดย  เครื่องช่วยฟังราคาถูก

เทคนิคการลดพุงไวง่ายและเห็นผลยาวนาน

สำหรับเรื่องของการลดพุงมันเป็นเรื่องที่เขาเรียกว่ามันยากใช่ไหมคือทำแล้วมันก็กลับมาอ้วนอีกอะไรปะมาณนั้นคราวนี้ทุกคนก็อยากจะได้เทคนิคที่มันไว ถามว่าเทคนิคที่มันไวมีไหม มี แล้วก็ทำได้นานด้วยแล้วก็เขาเรียกว่าง่ายอย่างเหลือเชื่อมาดูกันว่าเทคนิคนี้มีอะไรบ้าง

เทคนิคการลดพุงไวง่าย เทคนิคแรกก็๕อ เริ่มต้นมื้ออาหารด้วยกากใย อันนี้ง่ายมากๆเลยคือ ถ้าเราเรียงลำดับการกินอาหารเป็นสเต็ป สามขั้นตอนอย่างนี้

อันดับแรกคือ เริ่มต้นด้วยการทานผักก่อนเลย มาถึงก็ทานอาหารที่มีกากใยคือพวกกากใยก่อนเป็นสเต็ปที่หนึ่งต่อมาทานโปรตีนเป็นเต็ปที่สองเป็นพวกปลา เป็นพวกเนื้อ เป็นพวกหมู เป็นพวกไก่ และสเต็ปสุดท้ายค่อยทานเป็นแป้งเป็นสเต็ปที่สาม

แบบนี้การดูดซึมของโปรตีนก็จะลดลงถ้าเป็นไขมันก็จะลดลงและการดูดซึมของแป้งก็จะลดลงมากที่สุดเท่าที่เป็นไปได้คือตัวโปรตีนชั้นดีมักจะไม่ค่อยมีปัญหาในการโดนกากใยลดการดูดซึมอยู่แล้วแต่พวกไขมันชั้นนิสัยไม่ดีไขมันเลวมักจะโดนพวกกากใยกักเอาไว้ก็จะหนึ่งคือไขมันเลว ดูดซึมได้น้อยลง สอง ตัวคาร์โบไฮเดรตหรือน้ำตาลเราก็ดูดซึมได้น้อยลง

เพราะเราทานอาหารที่มีกากใยเข้าไปก่อนนี่คือเทคนิคแรกปละถ้าจะเสริมให้เทคนิคนี้สมบูรณ์แบบเข้าไปอีกหนึ่งสเต็ปก็๕อให้ทานน้ำเปล่าหนึ่งแก้วก่อนการทานอาหารทุกมื้อ15นาทีแค่นี้เองง่ายๆมากเลย ถามว่าเพราะอะไรเพราะว่าการทานน้ำเปล่าหนึ่งแก้วก่อน15นาทีจะทำให้กระเพาะขยายตัวพอสมควรแล้วก็เข้าไปกระตุ้นว่าเดี๋ยวเราจะทานอาหารสมองจะเตรียมตัวจะรับรู้

เมื่อสมองได้รับรู้ได้เตรียมตัวพอเราทานอาหารเข้าไปมันจะอิ่มแบบพอเหมะสม    เครื่องช่วยฟังคนหูหนวก    เพราะว่าถ้าเกิดสมองไม่ได้รับรู้ว่าเราจะทานอาหารแล้วเราเริ่มทานอาหารเลยกว่าสมองจะตื่นตัวว่าเราทานอาหารเข้าไปแล้วประมาณ20นาที

เพราะฉะนั้นแล้วเวลาที่เรารับประทานอาหารเข้าไปตั้งเยอะถ้าเรากินแบบไม่ถึง20นาทีเลยเรากินเท่าไหร่ก็ไม่อิ่มอันนี้อันตรายมากกินเท่าไหร่ก็ไม่อิ่มพอสมองเริ่มรับรู้เราอิ่มเกินไปแล้วเราแน่นจนเต็มท้องมากเกินไปแล้วเพราะฉะนั้นแล้วคุณจะต้องเพิ่มเทคนิคตรงส่วนนี้ทานน้ำเข้าไปหนึ่งแก้วก่อนอาหารประมาณ15นาทีแล้วก็ให้ท่านรับประทานผักก่อนและตามมาด้วยโปรตีนจากนั้นก็ตามมาด้วยคาร์โบไฮเดรตนั่นเอง

ซึ่งถ้าหากว่าท่านสามารถทำตามนี้ได้ท่านก็จะยิ่งลดพุงได้ไวยิ่งขึ้นทำเป็นประจำก่อนทุกครั้งของมื้ออาหารที่เราจะรับประทานเทคนิคนี้ช่วยคุณได้แน่นอน

3 ท่านอน ที่ช่วยบรรเทาอาการปวดหลังได้ 

ท่านอน ที่ช่วยบรรเทาอาการปวดหลัง การนอนพักผ่อนให้เพียงพอ เป็นสิ่งที่จำเป็นต่อร่างกายของเราเป็นอย่างมาก เพราะการนอนจะช่วยเสริมสร้างการมีสุขภาพร่างกายที่แข็งแรงได้ แถมยังช่วยในการบรรเทาอาการปวดต่าง ๆ ของร่างกายได้เป็นอย่างดีอีกด้วย แต่ในสมัยนี้นั้น การใช้ชีวิตของคนเราก็ค่อนข้างที่จะแตกต่างกันออกไป จนส่งผลให้การนอนของแต่ละคนนั้นไม่เหมือนกัน

การนอนหากต้องการให้ส่งผลดีต่อร่างกายก็คสรที่จะเลือกท่าในการนอนให้เหมาะสม เพื่อที่จะทำให้การนอนนั้นมีประสิทธิภาพมากขึ้น

เพราะถ้าหากคุณเลือกท่านอนแบบผิดวิธีก็อาจส่งผลให้ร่างกายได้รับผลกระทบได้ ซึ่งหลายคนอาจจะมองว่า ทำไมเราจึงมีท่านอนที่เหมาะสม ก็เพราะว่าท่านอนขะช่วยในการเสริมสร้างร่างกายให้มีประสิทธิภาพได้มากขึ้น ทั้งยังช่วยในการลดอาการเจ็บปวดต่าง ๆ ได้อีกด้วย

เราเคยสังเกตกันหรือไม่ว่า การนอนในแต่ละท่าของเรานั้นมีท่าไหนบ้างที่เรานอนแล้วรู้สึกสบาย หรือรู้สึกไม่สบาย อย่างไรก็ตาม สำหรับใครที่มีปัญหาเกี่ยวกับการนอนแล้วรู้สึกปวดเมื่อยตามร่างกายอยู่บ่อย ๆ วันนี้เราก็จะมาแนะนำท่านอนที่เหมาะสมเพื่อไม่ให้ร่างกายได้รับความเสี่ยงต่อการเกิดอาการปวดต่าง ๆ ขึ้น จะมีท่าไหนกันบ้างไปดูกันเลย 

ท่านอนหงาย เรียกได้ว่าเป็นท่าพื้นฐานที่หลาย ๆ คนนั้นต้องนอน แต่จะมีสักกี่คนที่รู้ว่าท่านอนหงายนั้นก็เป็นท่าที่สามารถช่วยแก้อาการปวดหลังได้เป้นอย่างดี เพราะท่านอนหงายเป็นท่าที่อาจทำให้เรารู้สึกว่าสบายที่สุด และจะทำให้น้ำหนักตัวของเรานั้นสามารถกระจายไปทั่วทุกส่วนของร่างกายได้ ดังนั้น สำหรับใครที่นอนอยู่แล้วรู้สึกว่ามีอาการปวดหลัง ขอบอกเลยว่าท่านี้ช่วยคุณได้อย่างแน่นอน และยิ่งนอนอย่างต่อเนื่องจะยิ่งทำให้อาการปวดหลังนั้นหายไปเลยก็ได้

ท่านอนคว่ำ ในส่วนของท่านอนคว่ำ หลาย ๆ คนอาจจะไม่ค่อยนิยมมากสักเท่าไหร่ เพราะเป็นท่าที่อาจทำให้หลายคนรู้สึกอึดอัดเวลานอนได้ แต่รู้หรือไม่ว่า ท่านอนคว่ำ ถือเป็นท่าหนึ่งที่สามารถช่วยแก้อาการปวดหลังได้เป็นอย่างดี เนื่องจากว่าเป็นท่าที่จะช่วยให้ระดับตัวของเรานั้นอยู่ในระดับที่ถูกต้องที่สุด และจะช่วยบรรเทาอาการปวดได้ แถมยังช่วยแก้อาการปวดเมื่อตามร่างกายได้เป็นอย่างดีอีกด้วย และที่สำคัญท่านี้ยังสามารถช่วยลดอาการนอนกรนได้เป็นอย่างดีอีกด้วย 

ท่านอนตะแคงซ้าย เป็นท่านิยมนอนกันอยู่แล้ว ในส่วนท่านอนตะแคงซ้าย แต่จะมีสักกี่คนที่ใส่ใจว่าคุณนอนตะแคงซ้าย หรือตะแคงขวา ซึ่งรู้หรือไม่ว่าการที่เรานอนตะแคงขวาตลอดทั้งคืนนั้นอาจส่งผลให้ร่างกายของเราเกิดการกทับได้ ซึ่งนั่นก็อาจทำให้เรามีโอกาสเสี่ยงต่อการปวดเมื่อยตามร่างกายได้ง่ายมากขึ้น ดังนั้น ทางที่ดี ควรที่จะนอนตะแคงซ้าย หรือขวา สลับกันไปมา หรืออาจจะนอนซ้ายไปเลย เพราะท่านอนซ้ายถือเป็นท่าที่จะช่วยในการแก้อาการปวดหลัง หรือแก้อาการปวดคอได้เป็นอย่างดี

 

สนับสนุนเนื้อหาโดย      เครื่องช่วยฟังแบบชาร์จหรือใส่ถ่านดีกว่า

วิธีการการตั้งค่าชุดเครื่องมือนี้ได้รับการพัฒนาในเมืองโกอิมบรา

ประเทศโปรตุเกส (โดย University of CoimbraUC และ Pedro Nunes InstituteIPN) ร่วมกับศูนย์การแพทย์มหาวิทยาลัย Groningen (เนเธอร์แลนด์) ภายใต้ขอบเขตของโครงการยุโรป “Healthy Lifestyle Innovation Quarters for เมืองและพลเมือง (HeaLIQs4Cities) รหัส 18036” ซึ่งได้รับทุนจาก EIT Health

โฟกัสกลุ่มผู้เชี่ยวชาญ การพัฒนาชุดเครื่องมือเพื่อประเมินการรับรู้ถึงวิถีชีวิตที่มีสุขภาพดีและปัจจัยเสี่ยงเริ่มต้นด้วยการจัดตั้งกลุ่มโฟกัสซึ่งประกอบด้วยผู้เชี่ยวชาญทางวิชาการในสาขาผู้สูงอายุ ปัจจัยเสี่ยงต่อโรคหัวใจและหลอดเลือด

การออกกำลังกาย ประสาทวิทยา ชีววิทยา จิตวิทยา โภชนาการ เภสัชวิทยาและการบำบัด เศรษฐศาสตร์สุขภาพ และเทคโนโลยีที่เป็นนวัตกรรมใหม่ที่ใช้กับสุขภาพ กลุ่มโฟกัสนี้รวมตัวกันเป็นชุดของการประชุมอย่างเป็นทางการ 4 ครั้ง

ตามด้วยการอภิปรายกลุ่มย่อยโดยมีวัตถุประสงค์เพื่อสร้างชุดเครื่องมือที่เรียบง่าย หลายมิติ และใช้งานง่ายเพื่อประเมินวิถีชีวิตที่มีสุขภาพดี เพื่อให้บรรลุเป้าหมายนั้น Focus Group ได้ตัดสินใจเกี่ยวกับ ขนาดของชุดเครื่องมือที่จะได้รับการประเมิน เครื่องมือ (เทคโนโลยีและแบบสอบถาม) ที่รวมอยู่ในชุดเครื่องมือและ เนื้อหาและรูปแบบของรายงานข้อเสนอแนะ 

ขอบเขตและส่วนประกอบชุดเครื่องมือ Focus Group เริ่มต้นด้วยการกำหนดส่วนประกอบที่จะรวมไว้ในชุดเครื่องมือ ส่วนแรกสำหรับข้อมูลชีวประวัติทั่วไป ได้แก่ อายุ เพศ ระดับการศึกษา และอาชีพปัจจุบัน

 

วิธีการการตั้งค่าชุดเครื่องมือ ตามด้วยองค์ประกอบทางวิทยาศาสตร์ 8 ส่วน: (1) การประเมินมานุษยวิทยาและพารามิเตอร์คาร์ดิโอเมตาบอลิซึม (2) กิจกรรมทางกายและระดับการออกกำลังกาย (3) ความเป็นอยู่ที่ดี ความสามัคคีในสังคม และความเป็นอิสระในการทำงาน (4) โภชนาการ; (5) สุขภาพจิต (6) การสูบบุหรี่ การดื่ม และการใช้สารผิดกฎหมาย (7) นิสัยและคุณภาพการนอนหลับ (8) สุขภาพและโรค

ด้วยจุดมุ่งหมายในการสร้างเครื่องมือสำหรับการประเมินการรับรู้เกี่ยวกับวิถีชีวิตที่มีสุขภาพดีอย่างรวดเร็ว (ไม่เกิน 10 นาที) ที่ครอบคลุมองค์ประกอบที่อธิบายไว้ข้างต้น กลุ่มเป้าหมายได้กำหนดว่าชุดเครื่องมือรุ่นที่ลดลง/รวดเร็วควรมีอย่างน้อย 3 รายการและสูงสุด 8 คำถามต่อมิติ ซึ่งรวมถึงคำถามหลายประเภท กล่าวคือ คำถามโดยตรงที่เกี่ยวข้องกับพารามิเตอร์ทางมานุษยวิทยาหรือชีวเคมี คำถามแบบสองขั้ว คำตอบใช่หรือไม่ใช่ คำถามปรนัย และคำถามแบบปรับขนาด

การให้คะแนนความเสี่ยง ข้อความ และการประเมินระดับที่สอง จากแบบสอบถามที่สร้างขึ้นซึ่งกระชับและอิงจากคำถามโดยตรงและเชิงปฏิบัติ ได้ใช้ระบบการให้คะแนนสัญญาณไฟจราจรที่ระบุคะแนนความเสี่ยง (ต่ำ: สีเขียว ปานกลาง: สีเหลือง และที่เกี่ยวข้อง: สีส้ม) สำหรับแต่ละมิติขององค์ประกอบทั้งหมด

ชุดเครื่องมือการประเมินระดับที่สอง (เวอร์ชันยาว) พร้อมเครื่องมือที่ซับซ้อน    หูตึงรักษาหายไหม      ที่มีรายละเอียดและผ่านการตรวจสอบทางวิทยาศาสตร์มากขึ้น (รวมถึงอุปกรณ์และแบบสอบถาม) ได้รับการพัฒนา ผู้ที่ได้รับคะแนนความเสี่ยงปานกลางหรือที่เกี่ยวข้องในระดับแรกของการประเมินได้รับเชิญให้เข้าร่วมการประเมินระดับที่สอง

การถ่ายโอนแพลตฟอร์มเทคโนโลยีชุดเครื่องมือ ชุดเครื่องมือนี้ถูกนำมาใช้ในแพลตฟอร์มเทคโนโลยี eVida eVida เป็นแพลตฟอร์มบนเว็บที่เน้นการให้บริการเพื่อส่งเสริมสุขภาพส่วนบุคคลและความเป็นอยู่ที่ดี และได้รับการพัฒนาภายใต้การบริหารของ IPN eVida ช่วยให้สามารถพัฒนาและบูรณาการแอปพลิเคชันและอุปกรณ์ทางการแพทย์ได้ และเป็นไปตามมาตรฐานทั่วไปส่วนใหญ่สำหรับข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับสุขภาพ (เช่น HL7) และการสื่อสารของอุปกรณ์ (เช่น IEEE11073)

ผลลัพธ์ แบบสอบถามชุดเครื่องมือและเครื่องมือที่เกี่ยวข้อง แบบสอบถามชุดเครื่องมือฉบับสมบูรณ์ถูกนำเสนอในตารางที่ 1 ข้อมูลเบื้องต้นเกี่ยวกับข้อมูลชีวประวัติทั่วไปของอาสาสมัครประกอบด้วยพารามิเตอร์ต่อไปนี้ อายุ เพศ ระดับการศึกษา และอาชีพปัจจุบัน ไม่มีข้อมูลส่วนบุคคลที่อนุญาตให้ระบุตัวบุคคลได้

การดูแลการถูกกระทบกระแทกสำหรับนักกีฬานักเรียนที่ UVA

“ดร. การประเมินของ Resch และทีมวิจัยของเขาได้เพิ่มความลึกและความกว้างให้กับการดูแลการถูกกระทบกระแทกสำหรับนักกีฬานักเรียนที่ UVA ที่โรงเรียนหลายแห่งไม่มีให้” Kelli Pugh ผู้อำนวยการด้านกรีฑาด้านเวชศาสตร์การกีฬาของ UVA กล่าว

“การแปลงแบบฟอร์มและแบบสอบถามเป็นดิจิทัลจะทำให้ผู้ฝึกสอนกีฬาจำนวนมากเข้าถึงการดูแลประเภทนี้ได้ ประสบการณ์ทางคลินิกของ Cat และความเต็มใจที่จะปรับแต่งแบบฟอร์มดิจิทัลตามข้อเสนอแนะจากเจ้าหน้าที่ของเราทำให้การนำการเปลี่ยนแปลงนี้ไปใช้ในทางปฏิบัติทำได้ง่ายขึ้นมาก การแจ้งผลทางอีเมลอย่างทันท่วงทีช่วยให้ตรวจสอบการเปลี่ยนแปลงอาการของนักกีฬานักเรียนในแต่ละวันได้ง่ายขึ้น”

ความพยายามของ Donahue ไม่เพียงส่งผลกระทบต่อการดูแลนักกีฬานักศึกษา UVA เท่านั้น แต่ยังเป็นผู้เปลี่ยนเกมสำหรับนักศึกษาและนักวิจัยระดับปริญญาเอกทั้งในปัจจุบันและอนาคต เนื่องจากข้อมูลบางส่วนที่ใช้ในการวิจัยได้รับการแปลงเป็นข้อมูลดิจิทัลแล้ว นักเรียนและนักวิจัยจึงไม่ต้องกังวลกับการป้อนข้อมูลด้วยตนเองอีกต่อไป

นักกีฬานักเรียนที่ UVA “หนึ่งในแง่มุมที่คุ้มค่าที่สุดของการเป็นที่ปรึกษานักศึกษาระดับปริญญาเอกคือความสามารถในการเรียนรู้จากพวกเขาและในทางกลับกัน” Resch กล่าว “นวัตกรรมของ Cat เป็นผลมาจากประสบการณ์ทางคลินิกของเธอในฐานะผู้ฝึกสอนกีฬาและความสามารถของเธอในฐานะนักวิจัย”

สำหรับโดนาฮิว เธอรู้สึกขอบคุณที่ได้สร้างสิ่งที่เป็นประโยชน์ต่อสถานที่และผู้คนที่เธอมีสายสัมพันธ์อันแน่นแฟ้นเช่นนี้ Donahue กล่าวว่า “ฉันสามารถคืนบางอย่างให้กับพนักงานและ Jake ซึ่งหวังว่าจะคงอยู่ตลอดไป” “มันมีความหมายอย่างมากที่สามารถปล่อยให้พวกเขามีบางสิ่งที่ทำให้งานของพวกเขาง่ายขึ้น รวมทั้งช่วยให้พวกเขาดูแลนักกีฬาได้ดีที่สุดเท่าที่จะทำได้ ฉันคิดว่ามันเรียบร้อยดีที่ได้เห็นมันบรรลุผล”

ผลกระทบเหนือพื้นดิน เนื่องจากเครื่องมือดิจิทัลของ Donahue ใช้เวลาในการประเมินแต่ละครั้ง 13 ถึง 15 นาที จึงเป็นไปได้ที่จะทำการประเมินจำนวนมากในเวลาอันสั้น Resch และ Donahue กำลังนำการประเมินไปใช้ในโครงการนำร่องที่เสนอการประเมินพื้นฐานฟรีสำหรับนักกีฬาระดับมัธยมศึกษาตอนปลายในฤดูใบไม้ร่วงนี้ โปรแกรมนี้ออกแบบมาเพื่อเสริมการทดสอบพื้นฐานที่เกิดขึ้นแล้วในโรงเรียนมัธยมในพื้นที่ ซึ่งอาจช่วยแบ่งเบาภาระงานอันมหาศาลของผู้ฝึกสอนกีฬาที่ทำงานร่วมกับนักกีฬาระดับมัธยมศึกษาตอนปลายได้

“นวัตกรรมของ Cat จะช่วยให้แนวทางการกระทบกระเทือนในนักเรียนระดับมหาวิทยาลัยและระดับมัธยมศึกษามีความสอดคล้องและคล่องตัวมากขึ้น ในขณะเดียวกันก็ช่วยพัฒนาสิ่งที่เรารู้เกี่ยวกับการบาดเจ็บ” Resch กล่าว

ด้วยความร่วมมือกับพยาบาลและผู้ฝึกสอนกีฬาใน UVA Orthopaedics Resch และ Donahue ได้เริ่มทดสอบพื้นฐานกับนักกีฬาสูงสุด 20 คนต่อชั่วโมงในช่วงหลังเลิกเรียน ในขณะที่โครงการนำร่องนี้เป็นความร่วมมือกับผู้อำนวยการกีฬาและโค้ชจากโรงเรียนเอกชนขนาดเล็กสองแห่ง Resch มีเป้าหมายที่จะเปิดโปรแกรมสำหรับนักกีฬาโรงเรียนมัธยมในพื้นที่ที่สนใจทั้งหมดในปีหน้า “ความสามารถในการใช้นวัตกรรมของ Cat ในศูนย์กล้ามเนื้อและกระดูกแห่งใหม่นั้นน่าตื่นเต้นอย่างแท้จริง

Resch กล่าว “แพทย์และแพทย์ของ UVA Orthopaedics, Sports Medicine, Neurology, and Psychiatry and Neurobehavioral Sciences ได้ให้การสนับสนุนอย่างมากในการพัฒนาคลินิกการกระทบกระแทกแบบสหสาขาวิชาชีพและความพยายามในการเผยแพร่ประชาสัมพันธ์”

 

สนับสนุนโดย  เครื่องช่วยฟังขนาดเล็ก

ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับเวชศาสตร์การดำเนินชีวิต

การเปลี่ยนแปลงรูปแบบการใช้ชีวิตซึ่งเป็นวิธีการรักษาที่จำเป็นเพื่อจัดการกับโรคเรื้อรังกำลังเพิ่มขึ้นในหมู่แพทย์และผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพในระดับสากล รูปแบบการใช้ชีวิต ซึ่งครั้งหนึ่งเคยได้รับการยอมรับว่าเป็นกลยุทธ์การป้องกันที่จำเป็น ปัจจุบันได้รับการยอมรับว่าเป็นแนวทางการรักษาขั้นพื้นฐานและมีประสิทธิภาพสำหรับระบบการดูแลสุขภาพ

ที่ออกแบบใหม่เพื่อผลลัพธ์ที่ดีขึ้น ค่าใช้จ่ายที่ลดลง และความพึงพอใจของผู้ป่วยที่ดีขึ้น ในหลักสูตรนี้ ประธาน ACLM ปี 2020-2022, Cate Collings, MD, MS, FACC, DipABLM ให้คำจำกัดความของเวชศาสตร์เพื่อการดำเนินชีวิต กล่าวถึงฐานหลักฐาน อธิบายการแทรกแซงหลัก 6 ประการ และแสดงให้เห็นว่าเวชศาสตร์เพื่อการดำเนินชีวิตมีอำนาจในการรักษาและมักจะย้อนกลับโรคได้อย่างไร และเป็นทางออกสำหรับการปฏิรูประบบสาธารณสุขอย่างแท้จริง

วัตถุประสงค์การเรียนรู้ ในตอนท้าย ผู้เข้าร่วมจะสามารถ กำหนดเวชศาสตร์การดำเนินชีวิต อภิปรายความสำคัญและความทันท่วงทีของเวชศาสตร์ดำเนินชีวิต

ตรวจสอบหลักฐานและการรับรองและแนวทางปัจจุบันสำหรับเวชศาสตร์การดำเนินชีวิต แสดงวิธีการแทรกแซงที่สำคัญ 6 ประการในการรักษาโรคเรื้อรังที่เกี่ยวข้องกับวิถีชีวิต สำรวจส่วนประกอบที่เป็นเอกลักษณ์ของเวชศาสตร์เพื่อการดำเนินชีวิต อธิบายโอกาสในการฝึกอบรมและรับรองด้านเวชศาสตร์เพื่อการดำเนินชีวิต

อภิปรายลำดับความสำคัญที่เกิดขึ้นใหม่สำหรับเวชศาสตร์การดำเนินชีวิต

รูปแบบ หลักสูตร Introduction to Lifestyle Medicine นี้ประกอบด้วยการบรรยายหนึ่งครั้งและเนื้อหาหนึ่งชั่วโมง ระยะเวลา 1 ชั่วโมง การประเมินและการวัดผล ต้องมีคะแนน 80% หรือสูงกว่าในแบบทดสอบโมดูลเพื่อผ่านหลักสูตร ข้อมูลจำเพาะ หลักสูตรนี้สามารถดูได้บนเดสก์ท็อป แท็บเล็ต หรืออุปกรณ์พกพา จำเป็นต้องมีลำโพงหรือหูฟังสำหรับหลักสูตรนี้ ระยะเวลาการอนุมัติ 15 กุมภาพันธ์ 2565 15 กุมภาพันธ์ 2568 การลงทะเบียน การเข้าถึงเนื้อหาออนไลน์ได้รับอนุญาตผ่านเงื่อนไขการอนุมัติซึ่งจะสิ้นสุดในวันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2025

คำชี้แจงการรับรอง เพื่อสนับสนุนการดูแลผู้ป่วย Rush University Medical Center ได้รับการรับรองร่วมกันจาก American Nurses Credentialing Center (ANCC), Accreditation Council for Pharmacy Education (ACPE) และ Accreditation Council for Continuing Medical Education (ACCME) เพื่อให้การศึกษาต่อเนื่องสำหรับ ทีมแพทย์

คำชี้แจงการกำหนด Rush University Medical Center กำหนดเนื้อหาที่ทนทานต่ออินเทอร์เน็ตนี้สูงสุด 1 AMA PRA Category 1 Credit™ แพทย์ควรอ้างสิทธิ์เครดิตตามขอบเขตของการมีส่วนร่วมในกิจกรรมเท่านั้น กิจกรรมนี้นำเสนอโดยไม่มีอคติและไม่ได้รับการสนับสนุนในเชิงพาณิชย์ ศูนย์การแพทย์มหาวิทยาลัยรัชกำหนดกิจกรรมทางอินเทอร์เน็ตที่ยั่งยืนนี้เป็นเวลาสูงสุด 1 ชั่วโมงการติดต่อพยาบาล ศูนย์การแพทย์มหาวิทยาลัยรัชกำหนดสื่อความรู้ทางอินเทอร์เน็ตที่คงทนสำหรับเภสัชกรติดต่อได้สูงสุด 1 ชั่วโมง

ศูนย์การแพทย์มหาวิทยาลัยรัชกำหนดกิจกรรมนี้สำหรับ 1 เครดิต CE ในด้านจิตวิทยา Rush University เป็นผู้ให้บริการที่ได้รับอนุมัติสำหรับการบำบัดทางกายภาพ (216.000272), กิจกรรมบำบัด, การบำบัดทางเดินหายใจ, งานสังคมสงเคราะห์ (159.001203), โภชนาการ, โสตวิทยาการพูดและจิตวิทยาโดย Illinois Department of Professional Regulation Rush University กำหนดกิจกรรมทางอินเทอร์เน็ตที่ยั่งยืนนี้สำหรับหน่วยกิตการศึกษาต่อเนื่องสูงสุด 1 หน่วยกิตสำหรับนักกายภาพบำบัด นักกิจกรรมบำบัด นักบำบัดระบบทางเดินหายใจ นักสังคมสงเคราะห์ นักโภชนาการ นักพยาธิวิทยาด้านการพูด นักโสตสัมผัสวิทยา และ/หรือนักจิตวิทยา ความสำเร็จของกิจกรรม CME นี้ ซึ่งรวมถึงการมีส่วนร่วมในองค์ประกอบการประเมิน

ช่วยให้ผู้เข้าร่วมได้รับคะแนน MOC สูงถึง 1.0 คะแนนในโปรแกรมการรักษาใบรับรอง (MOC) ของ American Board of Internal Medicine (ABIM) ผู้เข้าร่วมจะได้รับคะแนน MOC เทียบเท่ากับจำนวนเครดิต CME ที่อ้างสิทธิ์สำหรับกิจกรรม เป็นความรับผิดชอบของผู้ให้บริการกิจกรรม CME ในการส่งข้อมูลการเข้าร่วมที่เสร็จสมบูรณ์ไปยัง ACCME เพื่อวัตถุประสงค์ในการให้เครดิต ABIM MOC

 

สนับสนุนโดย    เครื่องช่วยฟังที่เสียงรบกวนน้อยที่สุด

วิถีชีวิตที่มีสุขภาพดีช่วยเพิ่มความสำเร็จในอาชีพ

วิถีชีวิตที่มีสุขภาพดี เราทราบดีว่าการออกกำลังกายและการกินเพื่อสุขภาพมีความสำคัญเพียงใด แต่ก็ไม่มีเวลาหรือแรงจูงใจในการปฏิบัติที่ดีต่อสุขภาพเสมอไป มันง่ายมากที่จะเดินทางไปทำงานในรถของคุณ ใช้เวลาทำงานที่โต๊ะทำงาน และหาของว่างและอาหารแปรรูปอย่างรวดเร็วในระหว่างนั้น รู้สึกเหมือนเป็นทางลาดที่พยายามจะทานอาหารที่มีประโยชน์และออกกำลังกาย อาหารที่สะดวกสบาย ทำงาน ดูเกม ความวิตกกังวล ความเหน็ดเหนื่อย

การบ้าน การดูทีวี มีหลายสิ่งหลายอย่างที่สามารถบ่อนทำลายความตั้งใจที่ดีที่สุดได้ เป็นเรื่องง่ายที่จะทำให้ชีวิตของเราสบายขึ้นและรู้สึกปลอดภัยในการทำงาน แต่เราทุกคนล้วนเป็นผู้ที่มีศักยภาพในการเป็นผู้หางาน ผู้ประกอบการ หรือนักแปลอิสระ การพัฒนาอาชีพที่ประสบความสำเร็จเป็นกระบวนการต่อเนื่องในการเตรียมตัว

สำหรับการเปลี่ยนแปลงครั้งต่อไป ไม่ว่าคุณจะเป็นมืออาชีพในสายอาชีพ พนักงาน

หรือคนหางาน คุณไม่เพียงต้องพัฒนาทักษะสำหรับการเปลี่ยนแปลงครั้งถัดไปเท่านั้น แต่คุณต้องฝึกฝนและสร้างนิสัยที่ดีด้วย ความสำเร็จในอาชีพเริ่มต้นที่ตัวคุณ

ผู้เชี่ยวชาญด้านอาชีพ ผู้เชี่ยวชาญด้านอาชีพมีโอกาสที่จะสร้างแบบจำลองและใช้กิจกรรมที่ดีต่อสุขภาพในชีวิตและการปฏิบัติ การแสดงมีประสิทธิภาพมากกว่าการบอกเล่าให้นักเรียนและลูกค้าทราบว่าการปฏิบัติที่ดีต่อสุขภาพมีความสำคัญต่อการพัฒนาอาชีพอย่างไร

ผู้เชี่ยวชาญด้านอาชีพบางครั้งสามารถเดินและพูดคุยกับนักเรียนและลูกค้าเพื่อส่งเสริมนิสัยที่ดีต่อสุขภาพ ก่อนการสัมภาษณ์จำลอง ให้ฝึกท่าโพสท่าที่มีพลัง การหายใจลึกๆ หรือการแสดงภาพโดยสังเขป ยิ้มและสนุกสนานไปกับการพักผ่อนและคลายเครียด พฤติกรรม

การใช้ชีวิตจะแสดงด้วยท่าทาง ระดับความเครียด ทัศนคติ และพลังงาน กลยุทธ์ที่สำคัญที่สุดอย่างหนึ่งที่มักถูกละเลยซึ่งผู้ประกอบอาชีพสามารถสอนได้คือความสำคัญของวิถีชีวิตที่มีสุขภาพดี

พนักงาน พนักงานจำเป็นต้องฝึกวิถีชีวิตที่มีสุขภาพดีเพราะนายจ้างรู้ว่านิสัยที่ดีต่อสุขภาพส่งผลให้คนงานมีประสิทธิผลมากขึ้น นายจ้างใส่ใจพนักงานที่มีสุขภาพดี

ดังนั้นจึงต้องการจ้างคนที่มีสุขภาพดีมาเพิ่มในทีม ประโยชน์บางประการจากการฝึกนิสัยที่ดีต่อสุขภาพคือ ผลผลิต สุขภาพ ความแข็งแกร่ง สามารถช่วยลดอาการบาดเจ็บ

และมองในแง่ดี มีแรงจูงใจเพิ่มขึ้นจากรัฐบาลและบริษัทต่างๆ ให้มีโครงการด้านสุขภาพในที่ทำงาน และในบทความของ New York Times เรื่อง Congress Plans Incentives for Healthy Habits กล่าวว่า นายจ้างจำนวนมากขึ้นเรื่อยๆ ได้นำโปรแกรมสุขภาพมาใช้หลังจากพบว่าพวกเขาสามารถลดต้นทุนด้านสุขภาพและเพิ่มผลิตภาพของพนักงานได้วิถีชีวิตที่มีสุขภาพดีจะปรับปรุงนิสัยการทำงาน ลดการขาดงาน และเพิ่มผลผลิตซึ่งจะส่งผลให้พนักงานมีการประเมินผลงานที่ดีขึ้น การรักษาที่ดีขึ้น และโอกาสในการก้าวหน้าและการจ้างงานในอนาคต

 

ขอบคุณผู้ให้การสนับสนุนโดย    เครื่องช่วยฟังขนาดเล็ก

การเพิ่มความแข็งแกร่งนั้นสัมพันธ์กับปริมาณการฝึกในผู้ตอบสนองต่ำ

นักวิจัยตรวจสอบความผันแปรระหว่างบุคคลในปริมาณการฝึกและความแข็งแรงที่เพิ่มขึ้นสำหรับการยืดเข่าแบบสามมิติและการฝึกงอสะโพก

การออกกำลังกายมีบทบาทสำคัญในการฝึก การฟื้นฟู และการดำเนินชีวิตที่มีสุขภาพดี กิจกรรมเหล่านี้ต้องการสูตรที่แตกต่างกันตามผลลัพธ์ที่ต้องการ ตัวอย่างเช่น นักกีฬาสามารถออกกำลังกายเป็นประจำได้ ดังนั้น การออกแบบโปรแกรมการฝึกอบรมที่เหมาะสมควรขึ้นอยู่กับการระบุและวิเคราะห์ปัจจัยที่ส่งผลต่อการฝึกอบรมรายบุคคล

การวิจัยก่อนหน้านี้แสดงให้เห็นว่าการฝึกไอโซเมตริกความเข้มสูงส่งผลให้มีการปรับปรุงความแข็งแรงมากขึ้นเมื่อเทียบกับการฝึกไอโซเมตริกความเข้มต่ำ อย่างไรก็ตาม การศึกษาเมื่อเร็วๆ นี้ชี้ให้เห็นว่าการเพิ่มความแข็งแกร่งนั้นขึ้นอยู่กับปริมาณการฝึกทั้งหมดเป็นหลัก ปริมาณการฝึกหมายถึงผลคูณของเปอร์เซ็นต์การหดตัวสูงสุดโดยสมัครใจ (MVC) ระยะเวลาการหดตัวต่อเซ็ต และจำนวนเซ็ตต่อเซสชัน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ข้อสรุปข้างต้นขึ้นอยู่กับการตอบสนองโดยเฉลี่ยของกลุ่ม

อย่างไรก็ตาม ตัวแปรระหว่างบุคคล เช่น การเปลี่ยนแปลงของความแข็งแรงชั่วคราวและความต้านทานต่อความล้าก็ส่งผลต่อปริมาณการฝึกจริงเช่นกัน ดังนั้นควรเท่ากับแรงกระตุ้นทั้งหมดที่กำหนดโดยพื้นที่ภายใต้เส้นโค้งการฝึกแบบบังคับ-เวลา

ในแนวทางนี้ นักวิจัยจากประเทศญี่ปุ่น รวมถึง Prof. Ryota Akagi จาก Shibaura Institute of Technology (SIT) และ Dr. Ryoichi Ema

การเพิ่มความแข็งแกร่ง จาก Shizuoka Sangyo University ได้ตรวจสอบความสัมพันธ์ระหว่างความแปรปรวนระหว่างบุคคลในการเปลี่ยนแปลงความแข็งแรงและปริมาณการฝึก “ในการศึกษาของเรา เราเปรียบเทียบความแข็งแรงที่เพิ่มขึ้นของกลุ่มกล้ามเนื้อกับการทำงานของข้อต่อต่างๆ เพื่อแก้ไขความไม่สอดคล้องกันในงานวิจัยที่มีอยู่” ศาสตราจารย์ Akagi อธิบายอย่างละเอียด ผลงานของพวกเขาได้รับการตีพิมพ์ในวารสาร Frontiers in Physiology เมื่อวันที่ 26 กันยายน 2022

ส่วนหนึ่งของการศึกษานี้ ชายหนุ่มสุขภาพดีที่ไม่ได้รับการฝึกฝนจำนวน 26 คน เสร็จสิ้นการฝึกไอโซเมตริกเป็นเวลาสี่สัปดาห์ ซึ่งเกี่ยวข้องกับการยืดเข่า (KE) หรือการงอสะโพก (HF) เซสชันการฝึกซ้อมที่จัดขึ้นสามครั้งต่อสัปดาห์ ประกอบด้วยสี่เซ็ต เซ็ตละ 10 วินาที เกร็งทุกๆ 20 วินาที

ผู้เข้าร่วมถูกบังคับให้ออกแรงสูงสุดอย่างรวดเร็วและหนักที่สุด ความพยายามของพวกเขาในแต่ละเซสชัน เช่น ปริมาณการฝึก ได้รับการประเมินโดยการคำนวณพื้นที่ภายใต้เส้นโค้งเวลา-แรงบิดของการหดตัว 40 ครั้ง นอกจากนี้ นักวิจัยยังประเมินการเปลี่ยนแปลงของแรงบิดการหดตัวสูงสุดโดยสมัครใจ (MVC) (ค่าสูงสุดของการหดตัวแต่ละครั้ง) ในช่วง KE และ HF สำหรับผู้เข้าร่วม

พวกเขาพบว่าแรงบิดเพิ่มขึ้นอย่างมากในกลุ่ม KE และ HF ยิ่งไปกว่านั้น การเปลี่ยนแปลงของแรงบิด MVC ที่สอดคล้องกัน ปริมาณการฝึกซ้อม และการเปลี่ยนแปลงของหลักสูตรเวลาในแรงกระตุ้นทั้งหมดมีความคล้ายคลึงกันสำหรับทั้งสองกลุ่ม ต่อไป นักวิจัยวิเคราะห์ข้อมูลที่รวบรวมเพิ่มเติม

โดยแบ่งผู้เข้าร่วมในแต่ละกลุ่มออกเป็นผู้ตอบสนองสูงและต่ำตามการเปลี่ยนแปลงของแรงบิด MVC ที่ลดลง การตอบสนองต่ำมีแรงบิดพื้นฐานและปริมาณการฝึกอบรมสูงกว่ามาก พวกเขายังเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วและสูงขึ้นในพารามิเตอร์หลัง ยิ่งไปกว่านั้น ปริมาตรรวมมีความสัมพันธ์เชิงบวกกับการเปลี่ยนแปลงแรงบิดของ MVC ซึ่งบ่งบอกถึงความแข็งแกร่งที่เพิ่มขึ้น ในกรณีของพวกเขา ในบรรดาผู้ตอบแบบสอบถามสูง ความสัมพันธ์นี้สังเกตได้ในสัปดาห์แรกเท่านั้น

 

สนับสนุนโดย.    เครื่องช่วยฟังแบบชาร์จ

โรคอ้วนปัญหาใหญ่สุขภาพ

เป็นเวลานานที่โรคอ้วนและปัญหาสุขภาพอื่น ๆ ได้รับการตำหนิจากปริมาณไขมันที่เรากิน สิ่งนี้สมเหตุสมผลเพราะไขมันมีแคลอรีมากเป็นสองเท่าของคาร์โบไฮเดรตหรือโปรตีนต่อกรัม อย่างไรก็ตาม การวิจัยล่าสุดชี้ให้เห็นว่าภาพมีความซับซ้อนมากกว่านั้น แสดงให้เห็นว่าคาร์โบไฮเดรตมีบทบาทในการเพิ่มน้ำหนัก

มากกว่าที่เราคิดไว้ก่อนหน้านี้ นอกจากนี้ คำแนะนำเกี่ยวกับประเภทของไขมันที่รับประทานได้ดีกว่านั้นยังอยู่ในระหว่างการสนทนา ก่อนหน้านี้เคยคิดว่าไขมันอิ่มตัว (ส่วนใหญ่มาจากสัตว์ เช่น เนื้อสัตว์และเนย) เป็นอันตรายต่อสุขภาพมากกว่าไขมันไม่อิ่มตัวเชิงซ้อน ไขมันไม่อิ่มตัวเชิงซ้อนมักพบในน้ำมันพืช การวิจัยล่าสุดไม่สนับสนุนมุมมองนี้

อาจเป็นความคิดที่ดีที่จะกินไขมันให้น้อยลงหากคุณกำลังพยายามลดน้ำหนัก เคล็ดลับในการลดไขมันในอาหารของคุณมีดังต่อไปนี้ เมื่อใดก็ตามที่เป็นไปได้อย่าทอดอาหาร มันจะดีกว่าที่จะย่าง, อบ, ตุ๋น, บาร์บีคิวหรือต้มอาหาร หากคุณทอดให้ใช้น้ำมันไม่อิ่มตัว สะเด็ดน้ำมันออกจากอาหารก่อนรับประทาน เลือกเนื้อไม่ติดมันและตัดไขมันส่วนเกินออก

หลีกเลี่ยงการเพิ่มไขมันที่ไม่จำเป็นลงในอาหาร ตัวอย่างเช่น ใช้สเปรดไขมันต่ำ ทาเนยหรือมาการีนให้น้อยลงบนขนมปัง ตวงน้ำมันเล็กน้อยสำหรับทำอาหาร ระวังไขมันที่ซ่อนอยู่ในขนมอบ ช็อคโกแลต เค้ก และบิสกิต กินนมไขมันต่ำ ชีส โยเกิร์ต และอาหารประเภทนมอื่นๆ มากกว่าอาหารประเภทไขมันเต็ม ตรวจสอบฉลากแสดงปริมาณอาหารเสมอว่าผลิตภัณฑ์ที่มีไขมันต่ำอาจมีน้ำตาลในปริมาณที่มากเกินไป หลีกเลี่ยงครีม ใช้ครีมสลัดไขมันต่ำหรือโยเกิร์ตไขมันต่ำแทนครี ดูแผ่นพับที่เรียกว่าแผ่นอาหารไขมันต่ำ

สำหรับรายละเอียดเพิ่มเติม ไขมันทรานส์ ไขมันทรานส์ (หรือกรดไขมันทรานส์) เป็นกรดไขมันไม่อิ่มตัว ไขมันทรานส์เพิ่มความเสี่ยงต่อโรคหัวใจ พวกเขาเพิ่มคอเลสเตอรอลและลด HDL คอเลสเตอรอล ดูข้อมูลเพิ่มเติมในใบปลิวแยกต่างหากที่เรียกว่าคอเลสเตอรอลสูง

กรดไขมันทรานส์เกิดขึ้นตามธรรมชาติในปริมาณเล็กน้อยในอาหารหลากหลายชนิด เช่น นม เนื้อวัว และเนื้อแกะ อย่างไรก็ตาม กรดไขมันทรานส์ส่วนใหญ่ในอาหารนั้นถูกผลิตขึ้นในระหว่างการแปรรูปน้ำมันพืช ไขมันทรานส์จึงพบได้ในมาการีนชนิดแข็งและผลิตภัณฑ์อบบางชนิด (เช่น บิสกิต ขนมอบ และเค้ก)

อาหารทอด และอาหารแปรรูปอื่นๆ อาหารที่ระบุว่ามีน้ำมันหรือไขมันที่เติมไฮโดรเจนบางส่วนมีกรดไขมันทรานส์  เครื่องช่วยฟังราคาเท่าไหร่   เมื่อซื้ออาหารที่มีไขมัน จะดีกว่ามากที่จะซื้ออาหารที่ติดฉลากด้วยเนื้อหาที่ไม่อิ่มตัวเชิงเดี่ยวหรือไม่อิ่มตัวเชิงซ้อนในปริมาณสูง

การวิจัยพบว่ากรดไขมันทรานส์ที่ผลิตขึ้นในระหว่างการแปรรูป (การชุบแข็ง) ของน้ำมันพืชเป็นอันตรายต่อสุขภาพมากกว่ากรดไขมันทรานส์ธรรมชาติ (เช่น ในนม เนื้อวัว และเนื้อแกะ) คุณสามารถลดการบริโภคไขมันทรานส์ได้โดยหลีกเลี่ยงหรือลดปริมาณอาหารทอด ของขบเคี้ยวที่มีไขมันสูง และอาหารอบที่มีไขมันสูงที่คุณกิน ในสหราชอาณาจักรการบริโภคไขมันทรานส์ต่ำกว่าเมื่อ 20-30 ปีก่อนมาก

อย่างไรก็ตาม ในฐานะส่วนหนึ่งของอาหารเพื่อสุขภาพ คุณควรตั้งเป้าที่จะรักษาปริมาณไขมันอิ่มตัวและไขมันทรานส์ให้น้อยที่สุด การตรวจสอบโดย SACN ในปี 2019 ระบุว่าการลดการบริโภคไขมันอิ่มตัวช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดโรคหลอดเลือดหัวใจ แม้ว่าจะไม่มีหลักฐานว่าการลดอัตราการเสียชีวิตจากภาวะเหล่านี้ ไขมันทรานส์สัมพันธ์กับความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นของโรคหัวใจและหลอดเลือด การตรวจสอบแนะนำให้บริโภคทั้งไขมันอิ่มตัวและไขมันทรานส์ให้น้อยที่สุด

ศึกษาข้อจำกัดที่ต้องพิจารณาต่อสุขภาพ

ข้อเสียเปรียบหลักประการหนึ่งของการวิจัยคือ TIB ไม่จำเป็นต้องสะท้อนเวลาที่ใช้ในการนอนหลับ

นักวิทยาศาสตร์ระบุว่าระยะเวลาการนอนหลับเป็นปัจจัยสำคัญต่อสุขภาพด้านความรู้ความเข้าใจและความเสี่ยงต่อภาวะสมองเสื่อม Breus ระบุว่า TIB ที่ยาวขึ้นอาจบ่งบอกถึงปัญหาที่เกี่ยวข้องกับการนอนหลับ เช่น การนอนไม่หลับ ซึ่ง “อาจส่งผลต่อสถานการณ์นี้และทำให้แย่ลง”

พิจารณาต่อสุขภาพ การศึกษาของแคนาดาเมื่อเร็วๆ นี้ ยังเน้นว่าผู้ที่นอนไม่หลับมีความเสี่ยงสูงที่จะสูญเสียความทรงจำ นอกจากนี้ TIB ไม่ได้พิจารณาถึงคุณภาพการนอนหลับของบุคคล ซึ่งถือว่ามีความสำคัญในด้านความรู้ความเข้าใจและภาวะสมองเสื่อม ตัวอย่างเช่น การนอนหลับไม่เพียงพออาจส่งผลต่อความจำอย่างมาก (จะอธิบายเพิ่มเติมในภายหลัง)

มีการพิจารณาขั้นสุดท้ายที่ต้องคำนึงถึงการศึกษานี้ เช่นเดียวกับการศึกษาอื่นๆ อีกมากที่คล้ายคลึงกัน เป็นการศึกษาความสัมพันธ์ ดังนั้นจึงไม่แสดงเหตุและผล” บาซิลอธิบาย

ดังนั้นจึงไม่ชัดเจนนักว่าความสัมพันธ์ที่สังเกตได้ (ในกรณีนี้คือเวลาสั้นหรือยาวบนเตียงหรือเวลานอนหลับ) ทำให้เกิดภาวะสมองเสื่อมจริงหรือเกี่ยวข้องทางอ้อมกับมัน” เขากล่าวเสริม

การนอนหลับส่งผลต่อความจำอย่างไร สัญญาณสำคัญของภาวะสมองเสื่อมคือการสูญเสียความจำ อย่างไรก็ตาม ในทุกช่วงอายุของชีวิต “เรารู้ว่าการนอนหลับที่มีคุณภาพเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับหลาย ๆ คน หากไม่ใช่ทุกความทรงจำ” บาซิลอธิบาย จะเกิดอะไรขึ้นเมื่อคุณอยู่ในสภาวะหลับใหล เกี่ยวกับหน่วยความจำมีสองการกระทำหลักเกิดขึ้น

ประการแรกคือการประมวลผลและ การจัดเก็บความทรงจำ Rabin อธิบายว่า “หน่วยความจำระยะสั้นจะถูกเก็บไว้ในสมองส่วนฮิปโปแคมปัสในตอนแรก ซึ่งเป็นพื้นที่ที่ข้อมูลถูกจัดเก็บไว้เพื่อการจดจำและใช้งานในระยะสั้นเมื่อเรานอนหลับ ข้อมูลจากฮิบโปแคมปัสจะถูกส่งผ่านไปยังโครงสร้างคอร์เทกซ์ที่สูงขึ้นของสมอง ซึ่งช่วยให้มันกลายเป็นความทรงจำระยะยาวและรวมเข้ากับความทรงจำในอดีต” เขากล่าวต่อ

Rabin เปิดเผยว่ากระบวนการนี้เรียกว่าการรวมหน่วยความจำใหม่และได้รับผลกระทบโดยเฉพาะอย่างยิ่งจากการนอนหลับ REM ที่มีคุณภาพต่ำหรือระยะเวลาการนอนหลับที่สั้นลง ประการที่สอง การนอนหลับคือการที่สมองของเรากำจัดสารพิษที่เป็นอันตราย

ซึ่งอาจส่งผลต่อความจำเมื่อเวลาผ่านไปเมื่อสมองทำงานในระหว่างวัน มันจะสร้างสิ่งที่เราเรียกว่า ชนิดของออกซิเจนปฏิกิริยาหรือของเสียจากการอักเสบได้มากมาย” ราบินกล่าว “เมื่อสมองหลับและสามารถฟื้นตัวได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสภาวะการนอนหลับลึกและ REM [มัน] จะล้างพิษและกำจัดของเสียที่เกิดจากการอักเสบ” การสะสมของสารพิษในที่สุดทำให้เกิดความเครียดเป็นพิเศษในสมองและป้องกันไม่ให้เกิดการรวมตัวของหน่วยความจำโดยสรุป คุณภาพการนอนหลับ มากเท่ากับปริมาณการนอนหลับ อาจมีความสำคัญ” ดิมิทรีกล่าว

 

สนับสนุนโดย.    เครื่องช่วยฟัง