วัยทำงาน กับการขจัดความง่วงในตอนบ่าย

การขจัดความง่วง ง่วง สุด ๆ เมื่อเข้าสู่ช่วงเวลาบ่าย ปัญหาที่คนที่กำลังอยู่ในช่วงที่ต้องสร้างเนื้อสร้างตัวเผชิญอยู่บ่อยในระหว่างวัน บางทีก็ง่วงนอนจนถึงแทบจะทนไม่ได้ กระทั่งทำให้ไม่มีสมาธิสำหรับในการดำเนินงาน ที่จริงแล้ว อาการง่วงงุนตอนเวลาบ่ายมีเหตุมาจากอะไร ควรจะจัดการและก็ขจัดปัญหาอย่างไร วันนี้เรามีคำแนะนำมาให้ทุกคน

อยากนอนตอนเวลาบ่าย มีต้นเหตุมาจากสาเหตุอะไร?

– กินมื้อกลางวันมากจนเกินไป

การกินมื้อกลางวันจนเกินความจำเป็น ก็นำมาซึ่งการทำให้เกิดอาการง่วงงุนเวลาบ่ายได้ โดยยิ่งไปกว่านั้น การกินอาหารจำพวกคาร์โบไฮเดรต อย่างเช่น ข้าว แป้ง หรือขนมปัง มากเกินไปก็ยิ่งทำให้เกิดความรู้สึกง่วงงุนเพิ่มเยอะขึ้นนั่นเอง

– นั่งทำงานแบบแช่ ไม่ค่อยได้ขยับเขยื้อนร่างกาย

การนั่งนาน ๆ ร่างกายมีการคงที่นาน ๆ มิได้ลุกเดิน เพื่อให้ร่างกายตื่นตัวก็จะก่อให้รู้สึกง่วงได้ รวมทั้งการเขียนหรือการโฟกัสจดจ่ออยู่กับอะไรนาน ๆ ก็จะมีผลให้เหนื่อยแล้วก็อ่อนแรง ยิ่งผู้ทำงานอยู่จอคอมพิวเตอร์ตลอดระยะเวลายิ่งทำให้เกิดความรู้สึกล้าสายตารวมทั้งอยากได้การพักผ่อนหย่อนใจระหว่างวันมากขึ้นเรื่อย ๆ

– มีปัญหาด้านของสุขภาพ

ใครก็ตามที่กำลังพบว่ามีปัญหาด้านของสุขภาพหรือมีโรคประจำตัว สาเหตุดังกล่าวก็อาจจะก็เป็นอีกหนึ่งต้นสายปลายเหตุที่ทำให้เกิดความรู้สึกง่วงมาก ๆ ในช่วงเวลาบ่ายเหมือนกัน ซึ่งทำให้รู้สึกอ่อนล้า และก็ล้าได้ง่ายดายกว่าเดิม

– นอนกรน

เป็นที่ทุกคนทราบกันดี อยู่แล้วว่า อีกหนึ่งปัญหาใหญ่สำหรับผู้ที่ชอบง่วงช่วงเวลาบ่าย ก็คือ การนอนกรน รวมทั้งตกใจตื่นระหว่างคืนวนเป็นวงจรอยู่แบบนี้ตลอดทั้งคืน ซึ่งการนอนกรนก็มีทั้งยังแบบธรรมดารวมทั้งแบบร้ายแรง ซึ่งก่อให้เกิดผลกระทบแตกต่างออกไป

วิธีแก้ไขปัญหา

– แบ่งย่อยมื้อของกินแล้วก็กินน้ำให้เพียงพอต่อร่างกาย

การรับประทานอาหารเสมอ ๆ ในจำนวนที่ไม่พอประมาณกำลังพอดี จะช่วยทำให้ร่างกายมีพลังงานไปได้ตลอดวัน โดยไม่หมดแรง ทดลองเปลี่ยนแปลงมาย่อยมื้ออาหารจากมื้อใหญ่  เป็นมื้อย่อย ๆ วันละ 5-6 มื้อย่อย รวมทั้งกินน้ำให้ได้เท่าที่ร่างกายต้องการ

– ขยับนิด ขยับหน่อย บริหารร่างกายบ้าง

การที่พวกเราได้ขยับ หรือขยับเขยื้อนนิดหน่อย รวมทั้งบริหารร่างกายจะช่วยทำให้รู้สึกrelax มากขึ้น ทั้งยังกระตุ้นกระบวนการเบิร์นในร่างกาย ทำให้ร่างกายมีเรี่ยวแรงเพิ่มมากขึ้นอีกด้วย

– รักษาโดยใช้กรรมวิธีด้านการแพทย์

การขอคำแนะนำจากคุณหมอผู้ชำนาญทางด้านการนอนนับว่าเป็นแนวทางที่เยี่ยมที่สุด ยิ่งในคนที่มีปัญหาด้านการนอนรวมทั้งพบเจอปัญหาด้านนอนกรนกระทั่งก่อกวนชีวิตประจำวัน การเข้ารับการวิเคราะห์และก็รักษาโดยใช้วิธีทางการแพทย์บางทีอาจจบปัญหาที่เกิดขึ้นกับบุคคลที่รู้สึกง่วงอยู่ตลอดเวลา

 

สนับสนุนโดย.    เครื่องช่วยฟังตัดเสียงรบกวน

แนะนำการนอนให้ครบวงจร ดีต่อสุขภาพ

แนะนำการนอน การนอนเป็นเรื่องปกติธรรมดา และก็เป็นสิ่งที่จำเป็นของร่างกาย เนื่องด้วยจะช่วยในเรื่องของร่างกายแล้วก็สมองได้พักอย่างเต็มเปี่ยม ด้วยเหตุนี้ถ้าเกิดนอนน้อยเกินไปหรืออดหลับอดนอน จะก่อให้เป็นผลเสียต่อสภาพร่างกายอย่างยิ่ง

วงจรการนอนที่เกิดขึ้นกับทุกคนทางการศึกษาในการแพทย์ อาจจะสามารถแบ่งได้ ดังนี้

– ระดับธรรมดาศัพท์ภาษาอังกฤษ คือ non-Rem sleep สามารถแยกออกได้อีกสามระยะได้แก่

1) ระยะที่เริ่มง่วงงุน เป็นตอนที่พวกเราเริ่มจะนอน โดยปกติจะเป็นเพียงแต่ช่วงสั้น ๆ ในเวลานี้สมองจะเริ่มดำเนินงานช้าลง ถ้าหากถูกปลุกให้ตื่นในตอนนี้ พวกเราจะไม่ค่อยสะลึมสะลือหรือบางครั้งอาจจะคิดว่าพวกเรายังมิได้นอน อาจมีการค่อย ๆ ขยับลูกตาไปมา ได้ ขึ้นอยู่กับแต่ละคนซึ่งบางครั้งก็อาจจะเคยพบปรากฎการณ์ สะดุ้ง หรือการรู้สึกราวกับกำลังจะตกจากตึก แล้วหลังจากนั้นก็ผวาตัวตื่นมา นอกเหนือจากนั้นบางบุคคลบางครั้งก็อาจจะได้ยินหรือมองเห็นบางอย่าง ซึ่งการนอนในเวลานี้ไม่ค่อยมีผลต่อร่างกาย

2) ระยะตอนเคลิ้มหลับ เป็นตอนที่กำลังเปลี่ยนจากเริ่มหลับไปจนถึงการหลับในแบบลึก Heart Rate จะเบาลง อุณหภูมิภายในร่างกายจะต่ำลงนิดหน่อย ธรรมดาแล้วจะใช้เวลามากยิ่งกว่า 50% ของการนอน โดยการนอนเมื่อเข้าสู่ระยะนี้จะมีส่งผลต่อร่างกาย โดยมันมีผลต่อกระตุ้นความจำระยะสั้น รวมทั้งเพิ่มสมาธิได้

3) ระยะหลับลึก เมื่อเข้าสู่การหลับในเวลานี้ จะไม่พบว่าผู้หหลับมีการสนองตอบมากนักหรือมีน้อย ถ้าเกิดถูกปลุกขณะนี้จะง่วงนอนเป็นอย่างยิ่ง ร่างกายจะอยู่ในสภาวะพักสูงที่สุด รวมทั้งมีการหลั่ง Growth Hormone

 

– หลับฝัน อาจจะพบในอีกชื่อหนึ่งว่า REM Sleep

การนอนที่เกิดขึ้นระยะนี้จะมีการขยับของดวงตาอย่างไว  หูตึงรักษา  ในตอนนี้สมองของพวกเราจะดำเนินการใกล้เคียงกับในเวลาที่พวกเราตื่น ระยะนี้เป็นช่วง ๆ ที่จะฝันมากยิ่งกว่าการนอนตอนอื่น ๆ การนอนแบบหลับฝันนี้จะช่วยประเด็นการความจำ การเล่าเรียน รวมทั้งการผลิตความคิกกระตุ้นจินตนาการ

 

การนอนเป็นสิ่งสำคัญที่มนุษย์ทุกผู้ต้องปฏิบัติและได้รับ โดยหากจะให้ดีต่อสุขภาพจะต้องมีช่วงเวลาการนอนให้ครบวงจรประมาณสาม-หกรอบ คือ นอนแบบธรรมดาตามกระบวนการเป็นลำดับ และเข้าสู่การหลับฝัน อีกทั้งวันไปเช่นนั้นอีกครั้งจะเรียกว่า 1 รอบ 

ซึ่งหากทำได้เช่นที่กล่าวมาจะเรียกว่านอนเต็มอิ่ม มีประสิทธิภาพ ทำให้ไม่มีอาการง่วงนอนระหว่างวัน และยิ่งช่วยให้กิจกรรมระหว่างวันเต็มเปี่ยมไปด้วยคุณภาพ ทั้งนี้อย่าลืมหาเวลาออกกำลังกาย และรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ควบคู่กันไป

คำแนะนำที่เป็นประโยชน์ในการรักษาอาหารเพื่อสุขภาพ

ผลไม้และผัก การรับประทานผักและผลไม้อย่างน้อย 400 กรัมหรือห้าส่วนต่อวันจะช่วยลดความเสี่ยงต่อโรคไม่ติดต่อ (2) และช่วยให้มั่นใจว่าได้รับใยอาหารเพียงพอในแต่ละวัน การบริโภคผักและผลไม้สามารถปรับปรุงได้โดย รวมผักไว้ในมื้ออาหารเสมอ กินผลไม้สดและผักสดเป็นของว่างกินผักและผลไม้สดตามฤดูกาล และกินผักและผลไม้หลากหลายชนิด

ไขมัน การลดปริมาณการบริโภคไขมันทั้งหมดให้เหลือน้อยกว่า 30% ของปริมาณพลังงานทั้งหมดที่ได้รับจะช่วยป้องกันการเพิ่มน้ำหนักที่ไม่ดีต่อสุขภาพในประชากรผู้ใหญ่ นอกจากนี้ ความเสี่ยงในการเกิดโรคไม่ติดต่อจะลดลง

โดย ลดไขมันอิ่มตัวให้น้อยกว่า 10% ของพลังงานทั้งหมดที่ได้รับ ลดไขมันทรานส์ให้น้อยกว่า 1% ของพลังงานทั้งหมดที่ได้รับและ แทนที่ทั้งไขมันอิ่มตัวและไขมันทรานส์ด้วยไขมันไม่อิ่มตัว โดยเฉพาะอย่างยิ่งด้วยไขมันไม่อิ่มตัวเชิงซ้อน

การบริโภคไขมัน โดยเฉพาะไขมันอิ่มตัวและการบริโภคไขมันทรานส์ที่ผลิตในอุตสาหกรรม สามารถลดได้โดย นึ่งหรือต้มแทนการทอดเมื่อปรุงอาหาร แทนที่เนย น้ำมันหมู และเนยใสด้วยน้ำมันที่อุดมไปด้วยไขมันไม่อิ่มตัวเชิงซ้อน เช่น น้ำมันถั่วเหลือง คาโนลา (เรพซีด) ข้าวโพด ดอกคำฝอยและน้ำมันดอกทานตะวัน การรับประทานอาหารนมที่มีไขมันต่ำและเนื้อไม่ติดมัน หรือตัดแต่งไขมันที่มองเห็นได้จากเนื้อสัตว์

และ การจำกัดการบริโภคอาหารอบและทอด และขนมขบเคี้ยวและอาหารสำเร็จรูป (เช่น โดนัท เค้ก พาย คุกกี้ บิสกิต และเวเฟอร์) ที่มีไขมันทรานส์ที่ผลิตจากโรงงานอุตสาหกรรม เกลือ โซเดียม และโพแทสเซียม

คนส่วนใหญ่บริโภคโซเดียมมากเกินไปผ่านเกลือ (ซึ่งสัมพันธ์กับการบริโภคเกลือโดยเฉลี่ย 9-12 กรัมต่อวัน) และโพแทสเซียมไม่เพียงพอ (น้อยกว่า 3.5 กรัม) ปริมาณโซเดียมสูงและปริมาณโพแทสเซียมไม่เพียงพอทำให้เกิดความดันโลหิตสูงซึ่งจะเพิ่มความเสี่ยงต่อโรคหัวใจและโรคหลอดเลือดสมอง

การลดการบริโภคเกลือให้อยู่ในระดับที่แนะนำน้อยกว่า 5 กรัมต่อวันสามารถป้องกันการเสียชีวิตได้ 1.7 ล้านคนในแต่ละปี (12) ผู้คนมักไม่รู้ถึงปริมาณเกลือที่บริโภค ในหลายประเทศ เกลือส่วนใหญ่มาจากอาหารแปรรูป (เช่น อาหารสำเร็จรูป เนื้อสัตว์แปรรูป เช่น เบคอน แฮมและซาลามี่ ชีส และขนมขบเคี้ยวรสเค็ม) หรือจากอาหารที่บริโภคบ่อยในปริมาณมาก (เช่น ขนมปัง)

เกลือยังถูกเติมลงในอาหารระหว่างการปรุงอาหาร (เช่น น้ำซุปเนื้อ น้ำสต็อกก้อน ซีอิ๊ว และน้ำปลา) หรือเมื่อบริโภค (เช่น เกลือแกง) การบริโภคเกลือสามารถลดลงได้โดย การจำกัดปริมาณเกลือและเครื่องปรุงรสโซเดียมสูง (เช่น ซีอิ๊ว น้ำปลา และน้ำซุปเนื้อ) ในการปรุงอาหารและเตรียมอาหา ไม่มีเกลือหรือซอสโซเดียมสูงบนโต๊ะ จำกัด การบริโภคของว่างรสเค็ม และการเลือกผลิตภัณฑ์ที่มีปริมาณโซเดียมต่ำ

ผู้ผลิตอาหารบางรายกำลังปรับสูตรสูตรใหม่เพื่อลดปริมาณโซเดียมในผลิตภัณฑ์ของตน และควรส่งเสริมให้ประชาชนตรวจสอบฉลากโภชนาการเพื่อดูว่ามีโซเดียมอยู่ในผลิตภัณฑ์เท่าใดก่อนที่จะซื้อหรือบริโภค โพแทสเซียมสามารถบรรเทาผลกระทบเชิงลบของการบริโภคโซเดียมสูงต่อความดันโลหิต การบริโภคโพแทสเซียมสามารถเพิ่มได้โดยการบริโภคผักและผลไม้สด

น้ำตาล ในผู้ใหญ่และเด็ก ควรลดการบริโภคน้ำตาลฟรีให้น้อยกว่า 10% ของปริมาณพลังงานทั้งหมด การลดลงเหลือน้อยกว่า 5% ของการบริโภคพลังงานทั้งหมดจะให้ประโยชน์ต่อสุขภาพ การบริโภคน้ำตาลฟรีเพิ่มความเสี่ยงของการเกิดฟันผุ (ฟันผุ) แคลอรี่ที่มากเกินไปจากอาหารและเครื่องดื่มที่มีน้ำตาลฟรีสูงก็มีส่วนทำให้น้ำหนักเพิ่มขึ้นอย่างไม่ดีต่อสุขภาพ ซึ่งอาจนำไปสู่น้ำหนักเกินและเป็นโรคอ้วนได้ หลักฐานล่าสุดยังแสดงให้เห็นว่าน้ำตาลฟรีมีผลต่อความดันโลหิตและไขมันในเลือด และแสดงให้เห็นว่าการบริโภคน้ำตาลที่ลดลงช่วยลดปัจจัยเสี่ยงต่อโรคหลอดเลือดหัวใจ 

 

สนับสนุนโดย.    ถ่านเครื่องช่วยฟัง

วัยทำงานต้องระวัง รู้ไหมว่าอาการเหล่านี้บ่งบอกถึงโรคสมองเสื่อม

ลักษณะของผู้ที่อาจเป็นโรคสมองเสื่อม

  1. ลืมเรื่องง่าย ๆ ไม่ว่าจะเป็น วัน เดือน ปี สถานที่ที่เพิ่งไป ลืมนัดหมายสำคัญหรือบางบุคคลถึงขนาดลืมวันเกิดตนเอง เริ่มจำเป็นต้องใช้ตัวช่วย ดังเช่น สมาร์ทโฟน หรือสมุดโน้ตมาช่วยกันจำ
  2. บุคลิกลักษณะเปลี่ยนแปลง อาทิเช่น ไม่สามารถพูดได้คล่องในประเด็นหลัก พูดติดขัดหรือกล่าวย้ำ ๆ ทำให้คุณภาพสำหรับเพื่อการติดต่อสื่อสารกับคนที่อยู่รอบข้างลดน้อยลง
  3. การตัดสินใจไม่เหมือนเดิม อาจไม่เหมาะสมกับเหตุการณ์ หรือจะต้องใช้เวลานานสำหรับในการตกลงใจ
  4. ทำสิ่งใดก็มีข้อผิดพลาด เช่น การกะระยะ การบอกสี บอกความต่าง ซึ่งคือปัญหาใหญ่ถ้าเกิดคนป่วยจำต้องขับขี่ยานพาหนะ
  5. ภาวการณ์เครียด เศร้าใจ ปลีกตัวจากสังคม ไม่ว่าจะครอบครัวหรือสหายร่วมงาน
  6. สมรรถนะการทำงานต่ำลง ไม่มีสมาธิ จิตใจล่องลอย ย้ำคิดย้ำทำวนไป

 

แนวทางในการคุ้มครองปกป้องตนเองไม่ให้เป็นโรคสมองเสื่อมก่อนวัย

  1. บริหารร่างกาย

การบริหารร่างกายในแบบแอโรบิก หรือการบริหารร่างกายที่อัตราการเต้นของหัวใจอยู่ที่ร้อยละ 60-80 ได้แก่ เดินเร็ว วิ่งช้า ๆขี่จักรยาน อื่น ๆ อีกมากมาย มีส่วนช่วยให้เส้นเลือดหัวใจแข็งแรง ลดการสั่งสมของไขมันในเส้นเลือดได้ ควบคุมความดันเลือดให้ปกติ ทำให้การส่งเลือดไปเลี้ยงเซลล์สมอง หัวใจ และก็ส่วนต่าง ๆ ของร่างกายเป็นไปนทางที่ดียิ่งขึ้น

  1. ฝึกฝนใช้ความคิด

โดยการทำกิจกรรมที่ใช้ความคิดมาช่วย ได้แก่ เรียนประกอบอาหาร ทำงานHomemade เรียนวาดภาพ เล่นดนตรี ฯลฯ ซึ่งวการใช้ความคิดก็เหมือนกับการที่ใช้สมองทำงานมากขึ้น ยิ่งพวกเราทำกิจกรรมมากแค่ไหน ทำความเข้าใจในเรื่องต่าง ๆ หรือได้คิดในเรื่องยาก ๆ มากขึ้นเท่าไหร่ สมองก็จะยิ่งทำงานและระหว่างนั้นก็จะมีการสร้างเซลล์สมองเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ นั่นเอง

  1. การพักผ่อนหย่อนใจให้มีคุณภาพ

การนอนที่มีคุณภาพนั้น ไม่มีความจำเป็นว่าจำเป็นต้องนอนให้ครบวันละ 8 ชั่วโมง แม้กระนั้นเป็นการหลับลึกหลับสบาย มีส่วนสำคัญที่ช่วยทำให้เซลล์สมองแข็งแรง ต่ออายุ ชะลอวัยให้สมองได้ แล้วก็ยังช่วยทำให้สมองสามารถเก็บข้อมูลใหม่ ๆ เอาไว้ภายในความจำได้อย่างมีประสิทธิภาพ

  1. การกินอาหาร

ย้ำว่าการกินอาหารต้องกินให้ครบถ้วนทุกกลุ่มสารอาหาร หลีกเลี่ยงของกินที่มีไขมันอิ่มตัวและก็ของกินที่มีไขมันคอเลสเตอรอลแล้วก็ไขมันไตรกลีเซอไรด์สูง เพื่อลดการสั่งสมของไขมันในเส้นเลือด กินอาหารที่ให้ไขมันดี อย่างเช่น น้ำมันปลา เพราะเหตุว่าน้ำมันปลาที่มีกรดไขมันดี  omega-3 มีส่วนในการลดระดับไขมันในเลือด ลดโอกาสเสี่ยงต่อเส้นโลหิตสมองและก็หัวใจ ที่จะอุดตันจากไขมันในเลือดสูง ช่วยทำนุบำรุงสมอง แล้วก็ลดการอักเสบของสมอง ที่เป็นต้นเหตุหนึ่งของการสลายตัวของเซลล์สมอง

 

สนับสนุนโดย.  หวยออนไลน์ ruay

จัดการความเครียดในที่ทำงาน เพื่อสุขภาพที่ดี

เชื่อว่าหลาย ๆ คน ต้องเผชิญกับปัญหางานที่ยุ่งยาก โดยที่ไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรให้เสร็จ หรือบรรลุผลทันเวลา กลายเป็นว่าต้องใช้สมองและร่างกายอย่างหนักเพื่อให้งานเสร็จ ส่งผลเสียต่อสุขภาพกายแล้ว ยังส่งผลต่อสุขภาพใจด้วย ดังนั้นเราควรลองแก้ไขดู จัดการความเครียดโดยที่

  1. จัดสมดุลของงานรวมทั้งชีวิตครอบครัว

การทำงานหนักหักโหมกระทั่งส่งผลเสีย ไม่เฉพาะแต่จะเกิดโทษต่อสุขภาพเพียงแค่นั้น แต่ว่ายังมีผลร้ายต่อความเชื่อมโยงในครอบครัวด้วย ถ้าเกิดพวกเรามัวแต่ก้มหน้าก้มตาทำงานมาก ๆ โดยไม่หันไปดู หรือเอาใจใส่คนที่อาศัยอยู่ภายในครอบครัวเลย ไม่เฉพาะแต่พวกเราที่จะมีความรู้สึกว่ากำลังถูกตัดขาด แม้กระนั้นสมาชิกในครอบครัวของพวกเราเองก็บางทีอาจจะคิดว่าพวกเรามิได้เป็นส่วนใดส่วนหนึ่งในชีวิตเขาอีกต่อไป ซึ่งจะนำมาซึ่งการก่อให้เกิดปัญหาด้านครอบครัวในวันหลังได้ 

ไม่ว่าพวกเราจะมีงานที่จำต้องรับผิดชอบยิ่งใหญ่แค่ไหน แต่ว่าสิ่งหนึ่งที่พวกเราไม่สมควรลืม คือ ควรที่จะจจัดสมดุลระหว่างชีวิตการทำงานแล้วก็ชีวิตครอบครัวให้ดี อย่าทุ่มเทเวลาให้กับการทำงานมากจนเกินไป เพราะเหตุว่าพวกเราบางทีก็อาจจะสูญเสียความสำราญในอีกด้านหนึ่งได้

พวกเราสามารถจัดแจงปัญหานี้ได้ด้วยการกำหนดเวลาที่แน่ชัดสำหรับในการปฏิบัติงาน อย่าให้เกินเวลาในขณะที่พวกเรากำหนดไว้ เพื่อที่พวกเราจะได้มีเวลาส่วนใดส่วนหนึ่งไปอยู่กับครอบครัว หรือทำกิจกรรมอื่น ๆ ที่ความเครียดลดลง เมื่อชีวิตของพวกเรามีความสมดุลแล้ว จุดมุ่งหมายของการเป็นบุคลากรสุขภาพแข็งแรงก็ไม่ใช่เรื่องที่จะไกลเกินเอื้อมอีกต่อไป

  1. ลดความมุ่งมาด

สิ่งหนึ่งที่ทำให้ชีวิตแนวทางการทำงานของพวกเรามีปัญหา อย่างแรกที่จะพูดถึงเลย คงหนีไปไหนไม่ได้นอกจากการ ที่เรากดดันตนเองโดยที่พวกเราไม่รู้ตัว บางบุคคลชอบบอกตนเองอยู่เป็นประจำว่าพวกเราจำเป็นต้องดำเนินงานให้เยี่ยมที่สุด พวกเราจะต้องไม่ทำงานบกพร่อง พวกเราจำเป็นต้องได้รับคำกล่าวชมจากนายจ้าง

เมื่อพวกเราบอกตนเองว่าจำต้องปฏิบัติงานแบบนี้อยู่ทุกวี่วัน จัดการความเครียด พวกเราก็จะมีความเคร่งเครียดมากขึ้นโดยไม่รู้สึกตัว เมื่อจะต้องปฏิบัติงาน พวกเราสามารถดำเนินงานอย่างเอาจริงเอาจังได้ แม้กระนั้นจำต้องไม่นำความตึงเครียดเข้าไปรวมอยู่ด้วย

เพราะเหตุว่าสิ่งนั้นจะทำลายสุขภาพของพวกเรา แม้จะกลายเป็นบุคลากรที่ทำงานเก่ง แต่ควรจะมากับสุขภาพกายและก็สุขภาพใจที่สมบูรณ์แข็งแรงบริบูรณ์ด้วย แม้ทดลองพิเคราะห์มองให้ดี หากว่าพวกเราจะเป็นบุคลากรที่สามารถทำงานได้เก่งแค่ไหน  แต่ก็ไม่ควรเพิ่มแรงกดดันให้กับตนเอง เนื่องจากว่ามันจะทำลายสุขภาพและก็สมรรถนะสำหรับเพื่อการดำเนินการของพวกเราเอง

 

การทำงานที่ทำลายสุขภาพทั้งกายใจ เราต้องคิดดี ๆ ว่าคุ้มหรือไม่ ลองหันมาดูแลสุขภาพบ้างก่อนที่จะสายเกินไป

 

สนับสนุนโดย.    เว็บหวยถอนไม่มีขั้นต่ำ

กินยาไม่ตรงเวลา กลับมากินย้อนหลังได้หรือไม่

         เชื่อว่าหลายคนคงเคยเจอกับปัญหาเวลาที่เจ็บไข้ได้ป่วยไม่สบายแล้วต้องกินยาตามเวลาบางครั้งก็อาจจะมีการหลงลืมเวลาไปบ้างซึ่งบางทีอาจจะกินยามื้อเช้าแต่ว่าลืมกินมื้อกลางวัน และเมื่อมารู้ตัวอีกทีนึงจะกินก็สายไปเสียแล้วบางคนนั้นก็คิดว่าสามารถกินยาโดยการกินเบิ้ลพร้อมกันในมื้อเดียวกันได้เพราะว่าจะได้ปริมาณยาครบถ้วนตามที่คุณหมอสั่ง

       อย่างไรก็ตามหลายคนอาจจะเกิดความสงสัยว่าการทำแบบนี้สามารถทำได้หรือไม่การที่เราจะกินยาย้อนหลังโดยวิธีการกินเบิ่ดซ้อนกันในมื้อเดียวนั้นจะส่งผลดีกับร่างกายหรือจะมีอันตรายต่อร่างกายหรือไม่วันนี้เราจะมาดูข้อมูลต่างๆเหล่านี้กัน

        สำหรับการกินยานั้นปกติแล้วจะมีการแบ่งช่วงเวลากินยาออกเป็นทุกๆ 4 ชั่วโมงหรือส่วนใหญ่แล้วจะมีการแบ่งช่วงเวลากินยาเป็นช่วงเวลาเช้า    ช่วงเวลากลางวันและช่วงเวลาเย็น   ถึงบางทีอาจจะมียาก่อนนอนอีกด้วยซึ่งการที่เราจะกินยาช่วงเวลาไหนบ้างนั้นจะขึ้นอยู่กับทางร้านเภสัชกรเป็นคนให้ข้อมูลโดยจะคำนึงถึงฤทธิ์ของยาที่ออกและปริมาณของยาที่ได้รับในแต่ละวันเอง

      ยาแต่ละตัวนั้นจะมีช่วงเวลาการกินที่แตกต่างกันออกไปซึ่งบางตัวนั้นจะต้องกินก่อนที่จะกินอาหารหรือยาบางตัวนั้นต้องกินพร้อมกับอาหารทันทีและยาบางตัวนั้นอาจจะต้องกินหลังอาหารซึ่งเราจะมาดูกันว่าถ้าหากว่าเราหลงลืมกินยาในช่วงเวลาดังกล่าวนั้นเราควรจะทำแบบไหนได้บ้าง

     สำหรับใครก็ตามที่ยาที่คุณจะต้องกินนั้นควรจะต้องกินก่อนอาหารแต่ปรากฏว่าคุณลืมกินแล้วมีการกินอาหารไปเรียบร้อยแล้ว  แนะนำว่าหากนึกขึ้นได้ไปหลังจากการกินอาหารเสร็จเรียบร้อยแล้วอย่าเพิ่งกินยาเข้าไปทันทีควรจะมีการเว้นช่วงอย่างน้อยประมาณ 2 ชั่วโมงค่อยกินยาเข้าไปเพราะรหัสคนกินยาทันทีนั้นประสิทธิภาพการทำงานของยานั้นจะไม่ค่อยได้ผลเท่าที่ควรเพราะโดยปกติแล้วยาก่อนอาหารนั้นคุณควรจะต้องกินก่อนที่คุณจะกินข้าวไม่ต่ำกว่า 15-30 นาทีถึงจะเห็นผลในการรักษานั้นเอง

     ในขณะเดียวกันหากว่ายาที่กินนั้นจะต้องกินทันทีพร้อมกับมื้ออาหารแต่คุณกลับลืมกินแนะนำว่าไม่ควรจะต้องรอกิน 2-3 ชั่วโมงต่อไปแต่ให้คุณรอกินในมื้อถัดไปทีเดียวเลยเพราะยาที่กินพร้อมอาหารนั้นส่วนใหญ่จะมีฤทธิ์ในการตัดกระเพาะอาหารถ้าหากคุณไม่กินพร้อมอาหารแล้วเราก็จะทำให้กระเพาะอาหารของคุณนั้นเป็นแผลได้

 

สนับสนุนโดย    แทงหวย

กินกล้วยแล้วมีประโยชน์อย่างไรคุณรู้หรือไม่?

              กล้วยเป็นผลไม้ที่มีราคาไม่สูงมากนักและยังมีประโยชน์ต่อร่างกายมากๆอีกด้วยโดยกล้วยนั้นสามารถที่จะกินได้ทั้งเด็กและผู้ใหญ่หรือแม้แต่คนชรา  กล้วยนั้นให้พลังงานค่อนข้างเยอะมากกินแล้วจะอิ่มทนนานดังนั้นคนจึงนิยมกินกล้วยเพื่อใช้ในการลดน้ำหนักรวมถึงนักกีฬาก็กินกล้วยเพื่อต้องการพลังงานจากกล้วยมาใช้นั่นเองต้องมาดูกันว่ากล้วยมีประโยชน์อย่างไรบ้าง

       เนื่องจากว่ากล้วยเป็นผลไม้ที่มีกากใยอาหารค่อนข้างเยอะ และยังมีความหวานในปริมาณที่พอเหมาะจึงทำให้หากเรากินกล้วยเข้าไปแล้วมันจะไปช่วยในเรื่องของการควบคุมคอเลสเตอรอลของร่างกายของเราไม่ให้มีเยอะมากจนเกินไปซึ่งหากเราสามารถควบคุมระดับคอเลสเตอรอลได้แล้วเราก็เราจะสามารถลดอัตราความเสี่ยงของการเป็นโรคอื่นๆตามมาได้อีกด้วยยกตัวอย่างเช่นโรคเบาหวานนั่นเอง

         ในขณะเดียวกันผู้คนที่ต้องการควบคุมน้ำหนักหรือมีปัญหาของโรคอ้วนอยู่ก็มักจะกินกล้วยแทนผลไม้ชนิดอื่นเนื่องจากว่ากล้วยนั้นให้พลังงานกับร่างกายค่อนข้างเยอะและกินแล้วอิ่มนานรวมถึงกินแล้วอิ่มเร็วดังนั้นคนจึงค่อนข้างที่จะบริโภคกล้วยแทนผลไม้ชนิดอื่นเพราะมันสามารถที่จะช่วยเรื่องของควบคุมน้ำหนักและยังช่วยในเรื่องของการลดน้ำหนักได้หากเรากินกล้วยแล้วเราออกกำลังกายควบคู่กันไป

         สำหรับคนที่มีปัญหาเกี่ยวกับเรื่องของระบบการย่อยคนที่มีปัญหาเรื่องของอาการท้องอืดท้องเฟ้อการกินกล้วยเข้าไปก็จะสามารถช่วยลดปัญหาตรงนี้ได้เช่นเดียวกัน

             นอกจากนี้กล้วยยังมีคาร์โบไฮเดรตซึ่งเป็นประเภทที่ร่างกายไม่สามารถย่อยสลายได้และคาร์โบไฮเดรตชนิดนี้นั้นเป็นคาร์โบไฮเดรตที่เป็นแหล่งอาหารของจุลินทรีย์โปรไบโอติกซึ่งเจ้าจุลินทรีย์ชนิดนี้มันคือแบคทีเรียชนิดดีที่อยู่ในลำไส้ของเราดังนั้นเมื่อเจ้าแบคทีเรียชนิดนี้ได้กินแหล่งอาหารของมันก็จะส่งผลทำให้มันไปดูแลลำไส้ไม่ให้มีปัญหาเรื่องของการท้องอืดท้องเฟ้อรวมถึงลดการเกิดปัญหาการท้องเสียได้ด้วยเช่นเดียวกันเรียกได้ว่ามันมีคุณสมบัติคล้ายๆกับเป็นยาปฏิชีวนะเลยก็ว่าได้ 

           ที่สำคัญกล้วยยังมีสารโพแทสเซียมซึ่งสารชนิดนี้นั้นหากเราได้รับเข้าไปมันจะทำให้ช่วยส่งเสริมให้ร่างกายของเราขับโซเดียมที่มีอยู่ในร่างกายนั้นออกมาทำให้เรานั้นลดปัญหาเกี่ยวกับการเป็นโรคโลหิตจางได้โดยในกล้วยนั้นมีธาตุเหล็กค่อนข้างเยอะซึ่งคนที่มีปัญหาเรื่องของโรคโลหิตจางนั้นจำเป็นที่จะต้องทานอาหารที่มีธาตุเหล็กเยอะดังนั้นหากคนเป็นโรคโลหิตจางกินกล้วยเข้าไปมันจะส่งผลดีต่อร่างกายนั้นเอง

          เห็นไหมเขาว่าประโยชน์ของการกินกล้วยนั้นมีมากมายซึ่งคุณสามารถกินกล้วยได้ทุกวันอย่างน้อยถ้าคุณกินกล้วยน้ำว้าคุณก็สามารถกินวันละ 1 ผลจะมีประโยชน์กับคุณเป็นอย่างมากเลยทีเดียว 

 

สนับสนุนโดย.    แทงหวย

อาการเพิ่มเติมของคนที่ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 

       ในขณะนี้ทางโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ได้ออกมาเปิดเผยเกี่ยวกับสถานการณ์ของการระบาดของไวรัส covid-19  ว่า  นับตั้งแต่มีการระบาดอย่างหนักจากสถานบันเทิงแถวย่านทองหล่อและมีการระบาดต่อเนื่องไปอีก 30 กว่าจังหวัดนั้นปรากฏว่าในตอนนี้พบว่ามีผู้ติดเชื้อไวรัส covid-19 เป็นจำนวนมากที่มีอาการแบบไหนเพิ่มขึ้นมานอกเหนือจากอาการเดิมที่เคยแจ้งกับประชาชนทั่วไป

         โดยอาการติดเชื้อไวรัสโควิตของเดิมนั้นจะให้สังเกตเรื่องของอาการเจ็บคอ  และยังมีอาการตัวร้อนเป็นไข้ขึ้นสูง  รวมถึงการมีอาการไอและมีน้ำมูก  รวมถึงอาการที่มีผลต่อการหายใจติดขัดหายใจไม่สะดวก   ต่อจากนั้นก็ให้สังเกตอาการเกี่ยวกับเรื่องของการรับรสหากว่าพบปัญหาเรื่องของการไม่ได้กลิ่นหรือแม้แต่การกินอาหารแล้วไม่สามารถรับรู้รสชาติของอาหารได้ควรจะต้องไปทำการตรวจหาเชื้อไวรัส covid -19  ก็ถือว่าอยู่ในอาการที่มีความเสี่ยงสูงที่จะติดเชื้อไวรัสโควิคนั่นเอง

          แต่อย่างไรก็ตามในขณะนี้ได้มีอาการไหนเพิ่มขึ้นมาซึ่งเป็นกลุ่มที่ติดเชื้อไวรัสโควิคเช่นเดียวกันแต่เป็นไวรัส covid-19  สายพันธุ์ใหม่ซึ่งปัจจุบันนี้พบเป็นสายพันธุ์อังกฤษที่ติดเชื้อได้รวดเร็วและรุนแรงรวมถึงอาการติดเชื้อนั้นก็จะต่างจากการติดเชื้อในรูปแบบเดิมเพราะอาการติดเชื้อรูปแบบใหม่ในขณะนี้นั้นพบว่าบางคนอาจจะไม่มีปัญหาเรื่องของการเป็นไข้หรือปัญหาเรื่องของการเจ็บคอและมีน้ำมูกก็เป็นไปได้

          แต่ให้สังเกตว่าถ้าคุณมีผื่นขึ้นบริเวณตามร่างกายโดยลักษณะของผื่นนั้นเป็นคล้ายๆกับเส้นใยเล็กๆหรือตาข่าย   รวมถึงเป็นผื่นบวมคล้ายกับผื่นของการเป็นโรคลมพิษหรือแม้แต่บางคนนั้นอาจจะมีการขึ้นตุ่มพุพองคล้ายๆกับเป็นตุ่มของอีสุกอีใสซึ่งอาการเหล่านี้เกิดขึ้นมาแบบกระทันหันพร้อมทั้งอาจจะมีไข้รวมถึงไอและจามและมีปัญหาเกี่ยวกับเรื่องของระบบทางเดินหายใจหรือมีเลือดออกเป็นจุดๆแล้วเราก็นับได้ว่ามีความเสี่ยงที่อาจจะติดเชื้อไวรัสโควิคเช่นเดียวกัน

             นอกจากนี้ถ้าหากใครมีปัญหาเกี่ยวกับเรื่องของการระคายเคืองตาหรือน้ำตาไหลหรือแม้แต่มีขี้ตาคันตาหรือดวงตาไม่สามารถที่จะทำการสู้แสงได้มีอาการตาแดงหรือแม้แต่เยื่อบุตาอักเสบแล้วเราก็อาการเหล่านี้ก็เป็นอีกหนึ่งในกลุ่มความเสี่ยงที่จะทำให้ติดเชื้อไวรัสโควิตเช่นเดียวกันแต่อาการเกี่ยวกับเรื่องของดวงตาแดงนั้นค่อนข้างที่จะพบได้น้อยซึ่งมีเปอร์เซ็นต์เชื้อไวรัสเพียงแค่ประมาณ 1-3 เปอร์เซ็นต์เท่านั้นซึ่งแน่นอนว่าถ้าหากมีอาการเบื้องต้นที่ต่อไปนี้ให้คุณสังเกตุให้ตัวเองให้ดีและให้ไปทำการตรวจวัดเชื้อโควิคที่โรงพยาบาลได้เลย 

 

สนับสนุนโดย.    แทงหวย

ประโยชน์ของวิตามินดี

ซึ่งวันนี้เราจะมาพูดถึงกลุ่มของวิตามินดีที่ละลายในไขมัน โดยวิตามินดีที่ละลายในไขมันสามารถเก็บสะสมได้เวลารับประทานเข้าไปก็จะไปเก็บสะสมไว้ในตับแลละค่อยๆสลายออกมาใช้ได้บางทีถ้าเราไม่ได้ทานทุกวันก็ยังไม่เป็นไรแต่ว่าวิตามินพวกนี้ก็มีผลในเรื่องของการช่วยป้องกันโรคได้เยะอแยะเลยเพราะฉะนั้นถ้าเกิดมีกลุ่มเหล่านี้เพียงพอก็จะดียิ่งขึ้น

ตัวที่สองคือ วิตามินดี ซึ่งวิตามินดีเราให้เป็นพระเอกของกลุ่มวิตามินที่ละลายในไขมันเลยเป็นวิตามินที่สำคัญมากๆและโดยมากแล้วคนไทยเรามักขาดจากประสบการณ์เราเคยตรวจคนไข้มา90%ของคนไทยขาดวิตามินดีเพราะว่าคนไทยโดยมากกลัวแดดกันไม่ค่อยโดนแดด

นอกจากนี้วิตามินดีปกติเราก็ได้จากแสงแดดแสงแดดจะมาเปลี่ยนคอเลสเตอรอลใต้ผิวหนังเราให้เป็นวิตามินดีกลุ่มคนที่มกขาดวิตามินดีก็คือ กลุ่มคนที่เป็นโรคตับ โรคไต ด้วย โรคตับ โรคไต ทำไมถึงขาดวิตามินดีเพราะว่าเวลาที่เราโดนแดดและก็สังเคราะห์วิตามินดีได้แล้วจะต้องใช้ตับแล้วก็ใช้ไตช่วยในการเปลี่ยนให้วิตามินดีActiveและก็ใช้งานได้

เพราฉะนั้นในคนที่ตับและไตไม่ดีก็ตะขาดวิตามินดีไปด้วยมันก็จะมีวิตามินดีในฟอร์มพิเศษของคนที่เป็นโรคตับโรคไตให้ได้ใช้งานกันก็มีเช่นกันต่อมามาคุยกันเลยว่าตัววิตามินดีทำไมถึงเป็นพระเอก

วิตามินดีเป็นวิตามินที่ช่วยป้องกันโรคเรื้องรังแทบทุกโรคเลยปกติแล้วค่าของวิตามินดีถ้าต่ำกว่า30จะถือว่าต่ำแล้วเรามักจะพบเจอว่าคนที่มีวิตามินดีต่ำกว่า20มักจะมีโรคเรื้องรังบางอย่างไม่ว่าจะเป็นเบาหวานความดันต่างๆป่วยมะเร้งมักจะพบวิตามินดีต่ำกว่า10แล้ว

เนื่องจากนี่เรามาเจาะกันว่าวิตามินดีช่วยอะไรบ้างตั้งแต่เริ่มแรกเลยวิตามินดีช่วยเรื่องของความดันโลหิตสูงเพราะอะไร เพราว่าวิตามินดีมันจะช่วยไปบล็อคReninซึ่งReninเป็นต้นเหตุทำให้เกิดความดันโลหิตสูงได้และตัววิตามินดีก็ยังช่วยชะลอไตเสื่อมได้ด้วย

ในผู้ป่วยที่มีเรื่องของไตวายและก็วิตามินดีช่วยป้องกันเบาหวานเพราะว่าทำให้เซลล์ตับอ่อนของเราสร้างอินซูลินมากขึ้นและทำให้อินซูลินมีประสิทธิภาพมากขึ้นด้วยพอเวลาที่อินซูลินมีประสิทธิภาพมากขึ้นตับอ่อนสร้างอินซูลินได้มากขึ้นก็เลยคุมน้ำตาลในเลือดได้ดีขึ้นและก็มีผลในการช่วยเรื่องของป้องกันพวกโรคหัวใจด้วยสมองเสื่อมอัลไซเมอร์ต่างๆวิตามินดีก็ช่วยป้องกันได้ด้วยวิตามินดีช่วยป้องกันมะเร็งเกี่ยวกับเรื่องของภูมิคุ้มกันเพราะว่าวิตามินดีช่วยลดการแบ่งตัวที่ผิดปกติของเซลล์มะเร็ง

งานวิจัยพบว่าวิตามินดีสามารถช่วยยับยั้งการเติบโตของมะเร็งทางเดินน้ำดีซึ่งมะเร็งทางเดินน้ำดีในคนไทยเป็นเยอะแล้วก็งานวิจัยเขาลองไปเช็กวิตามินดีในผู้ป่วยที่นอนป่วยอยู่ในหอผู้ป่วยหนักหรือว่าผู้ป่วยICUเขาพบว่าคนไข้ที่นอนICUที่มีวิตามินดีต่ำมีโอกาสที่จะเกิดผลแทรกซ้อนของโรคต่างๆได้มากกว่า

 

สนับสนุนโดย.    แทงหวย

แต่ละช่วงวัยควรมีการนอนวันละกี่ชั่วโมง 

การนอนหลับของเด็กนั้นมีส่วนสำคัญในช่วงยุคช่วงวัยของทุกๆช่วงด้วยกันทั้งสิ้น โดยเฉพาะเด็กในช่วง 1 ขวบถึง 5 ปีจำเป็นที่จะต้องนอนอย่างถูกต้อง เพราะมันเป็นช่วงเวลาที่สำคัญมากๆเลยในการพัฒนาระบบต่างๆภายในร่างกายของลูกน้อยของคุณนั่นเอง 

เนื่องจากว่าในการนอนหลับของลูกน้อยของคุณนั้นจะต้องมีเวลาที่เพียงพอและนอกจากนั้นยังจะต้องใช้เวลาที่เหมาะสมในการนอนหลับ เพราะในขณะที่เขากำลังหลับอยู่นั้นจะมีการหลั่งของโกสฮอร์โมนซึ่ง การหลั่งของสารเหล่านี้จะเป็นการช่วยในการพัฒนาหรือการเจริญเติบโตของลูกน้อยของคุณ 

สิ่งที่จะได้แบบเต็มๆนั่นก็คือจะเป็นการช่วยพัฒนาทั้งด้านการเจริญเติบโตในด้านความสูงของลูกน้อยของคุณ นอกจากนั้นมันยังเข้าไปช่วยซ่อมแซมในส่วนที่สึกหรอภายในร่างกายของลูกน้อยของคุณที่ควรจะทำอีกด้วย ซึ่งมาถึงขั้นนี้แล้วก็คงอยากจะรู้กันแล้วสินะว่าลูกน้อยของคุณนั้นควรที่จะหลับนอนกี่ชั่วโมงกันแน่ เพื่อที่คุณจะได้ทำให้พวกเขามีการพัฒนาอย่างถูกต้องโดยการนอนหลับอย่างเพียงพอและมีการหลักอย่างเหมาะสมในช่วงเวลา ตามวัยของเด็กๆเหล่านั้น

ต้องขอบอกก่อนนะว่าเด็กนั้นจะมีระยะเวลาในการนอนที่ค่อนข้างแตกต่างกันโดยสามารถแบ่งออกเป็น 4 กลุ่มเพื่อที่จะทำการเข้าใจง่ายๆดังต่อไปนี้ 

เราจะเริ่มจากวัยแรกเกิดซึ่งวัยแรกเกิดนี้จะมีอายุตั้งแต่แรกคลอดไปจนถึงอายุประมาณ 3 เดือนด้วยกัน จะเห็นได้ว่าในช่วงแรกเกิดเหล่านี้เด็กๆมักจะใช้เวลาทั้งหมดไปกับการหลับหรือการนอนของพวกเขาเพื่อที่จะทำให้ร่างกายของพวกเขานั้นได้มีการพัฒนาการเจริญเติบโตของพวกเขาเอง 

ดังนั้นในช่วงการนอนของเด็กตั้งแต่แรกเกิดเหล่านี้สามารถที่จะมีช่วงระยะเวลาในการนอนโดยประมาณ 14-17 ชั่วโมงด้วยกันต่อวัน จะเห็นได้ว่าเด็กในช่วงนี้จะมีการรับและการนอนต่างๆนี้เป็นช่วงระยะเวลาหรือเป็นแนวทางในการเป็นวงจรด้วยกัน โดยเราเห็นแล้วว่าส่วนใหญ่มักจะมีการตื่นทุก 3 ชั่วโมง 

โดยในระยะเวลาที่พวกเขาหลับนอนนี้ก็จะอยู่ในช่วงประมาณ 3 ชั่วโมงจะทำการตื่นขึ้นมาทานนมแม่จากนั้นก็จะหลับต่อ ซึ่งการพัฒนาเหล่านี้ก็ควรที่จะให้ลูกน้อยได้ทานนมระหว่างนั้นไปด้วยโดยการทานนี้มักจะใช้ช่วงเวลาในการทานนมของลูกน้อยในช่วงเวลา 3 ชั่วโมงหลังจากลูกน้อยนอนด้วยเช่นกัน

สำหรับเด็กในช่วงเวลานี้มักจะไม่ทำอะไรมากนอกจากการนอนที่ระยะเวลายาวนานและตื่นมาทานนมจากนั้นก็จะทำการนอนต่อสิ่งนี้ล้วนแล้วแต่เป็นการพัฒนาร่างกายและระบบของเขาเองซึ่งเราต้องยอมรับว่า ลูกน้อยในช่วงนี้ควรที่จะนอนให้ยาวนานและจะต้องดื่มนมจากคุณแม่ให้มากๆเพื่อเป็นการพัฒนาให้พวกเขาเจริญเติบโตได้ถูกต้องและเหมาะสมที่สุด

 

สนับสนุนเรื่องราวโดย.    ซื้อหวยฮานอยวันนี้