สุดสลดใจ ผัวขี้ยา ยิงเมียดับขณะอุ้มลูกวัย 10 เดือนอยู่ในอก 

          เมื่อวันที่ 11 เดือนกรกฎาคม  ปี พ.ศ.2563  ในช่วงเวลา 8:30 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจของสถานีตำรวจห้วยยอด  จังหวัดตรัง ได้รับแจ้งเหตุจากชาวบ้านว่ามีคนถูกอาวุธปืนยิงเสียชีวิตอยู่ภายในบ้านพักของหมู่บ้านในเหย้า  เมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับแจ้งเหตุจึงได้มีการลงพื้นที่ทันที   และเมื่อไปถึงบ้านที่เกิดเหตุนั้นไม่พบผู้เสียชีวิตเนื่องจากว่าทางด้านญาติๆได้มีการนำผู้เสียชีวิตไปส่งโรงพยาบาลและเสียชีวิตที่โรงพยาบาลส่วนผู้ก่อเหตุนั้นได้มีไฟเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

          ดังนั้นเมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจเดินทางไปถึงจึงพบกับสภาพบ้านที่มีร่องรอยการต่อสู้และมีรอยเลือดอยู่ตรงบริเวณข้างบ้าน  อีกทั้งยังพบทรัพย์สินของผู้เสียชีวิตตกอยู่ตรงบริเวณที่เกิดเหตุไม่ว่าจะเป็นสร้อยคอหรือแม้แต่กระพวนยางมัดผมของผู้เสียชีวิต  ทางด้านญาติของผู้เสียชีวิตให้การว่าคนที่ลงมือก่อเหตุนั้นก็คือสามีของผู้เสียชีวิตเอง  โดยผู้เสียชีวิตนั้นชื่อว่านางฝนขณะนี้มีอายุ 31 ปี ซึ่งขนาดนี้นางฝนนั้นมีลูกน้อยอายุเพียง 10 เดือนเท่านั้นกับผู้ก่อเหตุ  ส่วนสาเหตุสำคัญที่ทำให้มีการฆ่ากันตายเกิดขึ้นในครั้งนี้ทางด้านญาติของผู้เสียชีวิตเชื่อว่าน่าจะเกิดจากการทะเลาะกันโดยที่อาจจะเกิดจากการหึงหวงและอาจจะเกิดจากการที่ไม่พอใจเกี่ยวกับเรื่องของการขอเงินไปใช้แล้วไม่ได้

       เนื่องจากว่าผู้ที่ลงมือก่อเหตุก็คือนายสัมฤทธิ์นั้น ไม่มีอาชีพเป็นหลักแหล่งโดยปกติแล้วมักจะกินเหล้าและเสพยาเสพติดอยู่เสมอซึ่งช่วงหลังๆนี้ตั้งแต่มีการระบาดของไวรัสโคโรนาก็ไม่มีงานเข้ามาทำให้ปกติในแต่ละวันนั้นต้องขอเงินนางฝนใช้จ่าย

       แต่เนื่องจากสถานการณ์ตอนนี้นางฝนเองมีลูกน้อยจำเป็นต้องประหยัดจึงไม่ค่อยให้เงินนายสัมพันธ์ใช้สักเท่าไหร่ทำให้ทั้งคู่นั้นมักจะมีปัญหา และมีปากเสียงกันอยู่เป็นประจำเลยวันนี้ก็คาดว่าน่าจะมีปัญหาเกี่ยวกับเรื่องของการเงินและการหึงหวงกัน  เพราะว่านางฝนนั้นทำงานนอกบ้านในขณะที่นายสัมพันธ์นั้นไม่ได้ทำงาน อย่างไรก็ตามญาติของผู้เสียชีวิตให้การว่านายสัมพันธ์ได้ใช้อาวุธปืนมายิงนางฝนภายในบ้านพักในขณะที่น้ำฝนนั้นกำลังเลี้ยงลูกโดยกำลังอุ้มลูกอยู่ในอก หลังจากยิงน้ำฝนเป็นที่เรียบร้อยแล้วในสำคัญก็ขับรถหลบหนีไป

           จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนั้นใช้ระยะเวลาไม่นานเจ้าหน้าที่ตำรวจก็สามารถจับกุมตัวนายสัมพันธ์ได้ซึ่งเบื้องต้นนั้นในสัมพันธ์ให้การกับเจ้าหน้าที่ตำรวจยอมรับว่าเป็นคนลงมือจริงเนื่องจากว่าเกิดความแค้นเพราะเข้าใจว่าภรรยานั้นนอกใจไปมีผู้ชายคนอื่นเนื่องจากว่าภรรยานั้นไปทำงานนอกบ้านในขณะที่ตนนั้นไม่มีงานทำและตนเคยจับได้ว่าภรรยานั้นใช้โทรศัพท์มือถือพูดคุยกับผู้ชายคนอื่น  เมื่อเจอหน้าภรรยา ก็เกิดบันดาลโทสะหลังจากนั้นจึงได้ใช้อาวุธปืนยิงไปที่ภรรยาจนแก่ความตาย

          อย่างไรก็ตามเจ้าหน้าที่ได้มีการตรวจสารเสพติดในร่างของนายสัมพันธ์เนื่องจากทางด้านญาติของผู้ตายให้การว่านายสัมพันธ์นั้นติดยาเสพติดเมื่อตรวจสอบปัสสาวะก็พบว่ามีฉี่สีม่วง

 

สนับสนุนโดย  แทงหวยออนไลน์ยังไง

ประกาศขายบ้านเพราะสุดทนเสียงเพื่อนบ้านรบกวนจนนอนไม่ได้

            ปัญหาเกี่ยวกับเพื่อนบ้านส่งเสียงดังรบกวนบ้านหลังอื่นๆนั้นมีให้เห็นกันอย่างต่อเนื่องและแทบจะมีเกือบทุกหมู่บ้านเลยก็ว่าได้โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากบุกบ้านไหนเป็นบ้านแบบทาวน์เฮ้าส์ซึ่งมีผนังใช้ร่วมกันก็จะยิ่งได้รับความรำคาญมากเป็นพิเศษเนื่องจากว่าหน้าบ้านอีกฝั่งนึงทำเสียงดังก็จะรบกวนไปถึงอีกฝั่งหนึ่งจึงทำให้มักมีปัญหาเพื่อนบ้านทะเลาะกันอยู่เป็นประจำ

         อย่างไรก็ตามล่าสุดได้มีปัญหาเพื่อนบ้านส่งเสียงดังรบกวนจนข้างบ้านไม่สามารถที่จะอยู่อาศัยได้ในที่สุดก็ตัดสินใจที่จะขายบ้านหลังที่อาศัยอยู่ปัจจุบันทั้งที่มีความผูกพันและรักบ้านหลังนั้นมากเท่าไหร่ก็ตาม  ยังเจ้าของบ้านที่ติดประกาศขายบ้านได้มีการระบุว่าเธอนั้นพบปัญหาเพื่อนบ้านส่งเสียงรบกวนด้วยการร้องเพลงและดีดกีต้าร์เป็นระยะเวลามานาน 2 ปีแล้วซึ่งเธอได้ยินมีการพูดคุยกับเพื่อนบ้านหลังดังกล่าวแล้วหลายครั้งแต่เพื่อนบ้านก็ยังคงทำอยู่เหมือนเดิมจนเธอและบ้านหลังอื่นๆต่างก็ได้รับความเดือดร้อนกันเป็นอย่างมาก 

              ซึ่งในที่สุดเธอก็ตัดสินใจที่จะประกาศขายบ้านหลังดังกล่าวโดยวิธีการขายบ้านของเธอจะมีการบอกราคาบ้านที่ขายพร้อมทั้งของแถมที่คนที่มาซื้อจะได้รับซึ่งเธอมีการระบุถึงปัญหาที่เกิดขึ้นให้กับคนที่มาซื้อบ้านหลังดังกล่าวให้รับทราบด้วยว่าสาเหตุที่เธอขายบ้านหลังนี้นั้นเพราะอะไร

         อย่างไรก็ตามเพื่อบ้านอีกหลังหนึ่งได้ออกมาพูดถึงเรื่องราวดังกล่าวได้ว่าตัวเขาเองก็ได้รับความเดือดร้อนเช่นเดียวกันแต่ตัวก็นั้นไม่มีที่ไปอีกทั้งยังเป็นโรคกล้ามเนื้ออักเสบ   จึงจำเป็นต้องทนฟังเสียงชายคนดังกล่าวร้องเพลงและไม่ได้คิดไปต่อว่าอะไรเพราะไม่อยากมีปัญหากับเพื่อนบ้าน

        ส่วนชายที่ก่อเหตุสร้างความรำคาญให้กับเพื่อนบ้านนั้นเขามีอาชีพเป็นพ่อค้าขายอาหารซึ่งเขายอมรับว่าเขาได้มีการร้องเพลงและเล่นกีตาร์จริงโดยจะเล่นทุกวันเนื่องจากว่าต้องซ้อมเพลงเพราะเขามีความต้องการที่จะไปประกวดร้องเพลงในรายการ The Voice Thailand แต่เขามั่นใจว่าเพลงที่เขาร้องนั้นไม่ได้ส่งเสียงดังรบกวนเพื่อนบ้านแต่อย่างใดซึ่งเขาคิดว่าเพื่อนบ้านน่าจะไม่พอใจเพราะว่าเขาอาจจะร้องเสียงไม่เพราะก็เป็นไปได้  โดยเขายอมรับว่าเขาและเพื่อนบ้านนั้นมีปัญหาเกี่ยวกับเรื่องของการส่งเสียงดังมานานแล้วและเคยให้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจมาพูดคุยแล้วเช่นเดียวกันแต่เขาก็ยืนยันว่าเขาต้องการที่จะร้องเพลงต่อไปเนื่องจากเขาเป็นคนรักเสียงเพลง

        สำหรับเรื่องนี้มีเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้ามาไกล่เกลี่ยให้แล้วหลายครั้ง  แต่ทุกครั้งชายคนดังกล่าวก็จะมีการเบาเสียงลงแค่ช่วงระยะเวลาหนึ่งเพียงเท่านั้นหลังจากนั้นก็จะส่งเสียงดังรบกวนเพื่อนบ้านคน คนอื่นๆอีกจนไม่มีใครอยากจะยุ่งด้วยซึ่งในที่สุดบ้านที่อยู่ติดกันหลังดังกล่าวจึงได้มีการประกาศขายบ้านออกมาสำหรับเหตุการณ์ในครั้งนี้เกิดขึ้นที่หมู่บ้านบัวทองเคหะจังหวัดนนทบุรี

 

สนับสนุนโดย  แทงหวยออนไลน์ไม่มีขั้นต่ำ

ลูกค้าโพสต์ร้องเรียนซื้อไข่ปลาหมึกมาจากห้างดังได้ของแถมเป็นไข่มุก

           เป็นกระแสวิพากษ์วิจารณ์อย่างมากเมื่อวันที่ 26 เดือนพฤษภาคมปีพศ. 2553 ได้มีหญิงสาวคนหนึ่งโพสต์ข้อความลง Facebook ที่เธอได้มีการร้องเรียนไปยังห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่งโดยเธอได้มีการแชร์ข้อมูลที่เธอได้ร้องเรียนกับทางห้างไปถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นว่าเธอได้ไปซื้อของที่ห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่งและได้ไปซื้อไข่ปลาหมึก

ซึ่งบรรจุอยู่ในถุงแพ็คโดยทางห้างได้นำสินค้าดังกล่าวนั้นมาขายในเมื่อเธอนำกลับมาบ้านเปิดถุงดูพบว่ามีของปนเปื้อนอยู่ในถุงไข่ปลาหมึกกันด้วยซึ่งเมื่อมองดีๆจะพบว่ามันคือไข่มุกและเมื่อหยิบขึ้นมาจะเห็นว่าเป็นเหมือนต่างหูไข่มุกหรือไม่ก็เป็นเข็มกลัดติดเสื้อไข่มุกนั่นเองทำให้เธอต้องร้องเรียนไปยังห้างสรรพสินค้าดังกล่าวสอบถามถึงความรับผิดชอบที่เกิดขึ้นเนื่องจากว่าสินค้าที่ซื้อมาจากห้างนั้นไม่สะอาด

และไม่ได้คุณภาพนั่นเองโดยเธอได้มีการแต่ภาพดังกล่าวรวมถึงข้อความที่เธอได้มีการร้องเรียนไปห้างสรรพสินค้าให้กับคนใน Facebook ได้ดูซึ่งเมื่อไหร่คนได้เข้ามาดูก็พากันวิพากษ์วิจารณ์เกี่ยวกับเรื่องของสิ่งแปลกปลอมที่ปนมากันเป็นอย่างมากรวมถึงต่างก็เรียกร้องให้ทางห้างสรรพสินค้านั้นออกมารับผิดชอบกับเรื่องราวที่เกิดขึ้นซึ่งปัจจุบันนี้ทางเจ้าหน้าที่ของห้างสรรพสินค้าได้เดินทางมาหาลูกค้าที่บ้านเพื่อขอทำการตรวจสอบกับสินค้าดังกล่าวแล้ว 

          เดี๋ยวนี้เวลาที่เราซื้อของไม่ว่าจะมาจากตลาดหรือมาจากห้างสรรพสินค้าก็ไม่สามารถวางใจได้ถึงความสะอาด 100% เนื่องจากว่าเรามักจะพบเกี่ยวกับเรื่องของข่าวคราวอยู่เป็นประจำเกี่ยวกับของที่ปนเปื้อนในอาหารไม่ว่าจะเป็นอาหารสดหรืออาหารกระป๋องก็ตามดังนั้นก่อนที่เราจะมีการซื้อสินค้าอะไรก็แล้วแต่ควรจะมีการเลือกดูให้ดี

และเมื่อซื้อกลับมาแล้วก็ควรจะมีการล้างทำความสะอาดหลายๆรอบเพื่อป้องกันสารปนเปื้อนที่อยู่ในอาหารซึ่งสำหรับข่าวในครั้งนี้สิ่งที่แปลกปลอมเข้ามานั้นน่าจะเป็นต่างหูของพนักงานที่มีการรำพันอยู่แผนกบรรจุสินค้าซึ่งอาจจะทำตกไว้โดยที่ไม่รู้ตัวโดยผู้ที่รับผิดชอบเกี่ยวกับสินค้าแปลกปลอมในครั้งนี้ก็น่าจะเป็นบริษัทที่มีการส่งอาหารมาให้กับทางห้างสรรพสินค้านั่นเอง

ซึ่งเรื่องราวที่เกิดขึ้นและกำลังมีการใช้อยู่นี้หากว่าชาวโซเชียลรู้ว่าเป็นสินค้าของบริษัทไหนก็อาจจะเป็นการทำให้บริษัทนั้นเสียชื่อเสียงได้ดังนั้นบริษัทต่างๆก่อนที่จะมีการบรรจุสินค้าออกมานำขายให้กับลูกค้าก็ควรจะมีการตรวจสอบความสะอาดและความเรียบร้อยของสินค้าให้ดีก่อนด้วย เพราะหากชื่อเสียงเสียไปแล้วจะกู้กลับคืนมาได้ยาก เพราะลูกค้าจะไม่ไว้วางใจที่จะซื้อกินอีกอาจจะส่งผลให้ธุรกิจเสียหายได้ 

 

 

สนับสนุนเรื่องราวโดย  หวยออนไลน์ lottovip

คลิปว่อนโซเชียลเป็นภาพใช้หมวกกันน็อคตีลุงขับแท็กซี่ 

มอเตอร์ไซค์หัวร้อนเข้ามอบตัวกับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจแล้วหลังมีคลิปว่อนโซเชียลเป็นภาพใช้หมวกกันน็อคตีลุงขับแท็กซี่ 

          จากกรณีที่ในโลกออนไลน์ได้มีการแชร์คลิปวิดีโอคลิปหนึ่งเป็นชายหัวร้อนคนหนึ่งใช้หมวกกันน็อคตีทำร้ายชายชราซึ่งมีอาชีพขับรถแท็กซี่ซึ่งจากการที่นักข่าวได้ลงพื้นที่ไปตรวจสอบข้อมูลตามคลิปวีดีโอดังกล่าวพบว่าเหตุการณ์นั้นเกิดขึ้นจริงๆแถวบริเวณถนนราชพฤกษ์ตรงบริเวณแยกบางพฤกษ์  เลยมีพื้นที่เกิดเหตุนั้นคือพื้นที่ของสนเพชรเกษมสำหรับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนั้นเกิดขึ้นมาตั้งแต่เมื่อวันที่ 27 เดือนพฤษภาคมปี พ.ศ.2563 แล้ว

ซึ่งรายการดังกล่าวนั้นได้มีชายชราวัย 75 ปีโดยมีอาชีพขับรถแท็กซี่ได้มาแจ้งความที่สถานีตำรวจไปเรียบร้อยแล้วหลังจากเกิดเหตุช่วงเวลาบ่าย 2 โมงครึ่งนั้นเองสำหรับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนั้นเป็นเหตุการณ์ที่เกิดมาจากการขับรถเฉี่ยวชนกันแต่ด้วยอารมณ์หัวร้อนของชายที่ขับรถมอเตอร์ไซค์จึงทำเหตุให้หลังจากมีการเฉี่ยวชนกันแล้ว

จึงลงมาทำร้ายร่างกายชายวัย 75 ปีซึ่งเป็นเจ้าของรถแท็กซี่หลังจากที่ทำร้ายลุงวัย  75 ปีเรียบร้อยแล้ว หนุ่มหัวร้อนที่ขับรถมอเตอร์ไซค์ก็ได้หลบหนีไปในการขี่รถมอเตอร์ไซค์ผ่านไปเส้นทางอื่นซึ่งหลังจากที่ลุงวัย 75 ปีนั้นถูกทำร้ายก็ได้ไปทำการรักษาอาการบาดเจ็บที่โรงพยาบาลหลังจากนั้นก็นำใบรับรองแพทย์มาเข้าแจ้งความที่สถานีตำรวจและเมื่อมีการถูกนำเสนอข่าวนี้เป็นเรื่องราวใหญ่โตผ่านทางสื่อต่างๆปรากฏว่าในวันเดียวกันนั้นเองหนุ่มหัวร้อนที่ขี่รถมอเตอร์ไซค์ก็เดินทางมาที่สถานีตำรวจช่วงประมาณบ่าย 16:00 น.

เพื่อทำการมอบตัวโดยใช้คนดังกล่าวนั้นอายุประมาณ 32 ปีได้บอกกับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจว่าเขาเป็นคู่กรณีของลุงขับรถแท็กซี่อายุ 75 ปีคนนั้นเองและเป็นคนที่ลงมือทำร้ายลุงขับรถแท็กซี่คนดังกล่าวซึ่งขณะนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจกำลังรวบรวมพยานหลักฐานต่างๆเพื่อทำการเอาผิดสายที่ขับรถมอเตอร์ไซค์รวมถึงหาข้อมูลเกี่ยวกับเรื่องเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งหมด

ว่าใครเป็นผู้ทำผิดกฎหมายก่อนเป็นคนแรกอย่างไรก็ตามทางเจ้าหน้าที่ตำรวจก็ได้ฝากมาถึงประชาชนทุกคนได้ว่าการใช้รถใช้ถนนนั้นอาจจะต้องมีปัญหากันบ้างก็อย่าใช้อารมณ์รุนแรงต่อการหากมีปัญหาเฉี่ยวชนกันก็ควรจะพูดจากันดีลงมาจากตกลงกันด้วยดีและไม่สมควรอย่างยิ่งที่จะใช้ความรุนแรงหรือใช้อารมณ์ตัดสินกันและถ้าหากเราเห็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก็สามารถที่จะถ่ายคลิปวีดีโอไว้เป็นหลักฐานและส่งมาให้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้เช่นเดียวกัน

  อย่างไรก็ดี ชายคนวัย 32 ปีได้มีการแจ้งข้อหากลับชายขับแท็กซี่ด้วยข้อหาขับรถประมาทอีกด้วย

 

สนับสนุนโดย  ทีเด็ดหวยฮานอยพารวย